คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองว่าจ้างจำเลยร่วมให้ทำถนนลาดยางในโครงการบ้านสวนนำโชคของจำเลยทั้งสอง โดยมีข้อตกลงให้จำเลยร่วมเป็นผู้จัดหาเครื่องจักร เครื่องใช้ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เอง เมื่อ ก. ซึ่งเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยร่วมให้มีอำนาจดำเนินการใด ๆ แทนจำเลยร่วมได้นำ ส. ไปสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์โดยแนะนำว่า ส. เป็นผู้จัดการโครงการของจำเลยทั้งสองได้รับมอบหมายจากจำเลยทั้งสองให้มาติดต่อซื้อสินค้าของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยทั้งสองมอบหมายให้ ส. มาติดต่อซื้อจริงและส่งสินค้าไปให้จำเลยทั้งสองยังสถานที่ก่อสร้างตามโครงการ โดยมี ส. ร่วมลงชื่อเป็นผู้รับมอบสินค้าด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยแต่งตั้งหรือมอบหมายให้ ส. มาซื้อสินค้าจากโจทก์ มีเพียง ก. ตัวแทนของจำเลยร่วมเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์เพื่อใช้ในงานทำถนนเท่านั้น แม้บางครั้งจะมีชื่อ ส. เป็นผู้สั่งซื้อ แต่ก็เนื่องมาจากการที่ ส. กับ ก. คุ้นเคยกันและ ก. เป็นผู้แนะนำว่า ส. เป็นผู้จัดการโครงการดังกล่าว โจทก์จึงไม่เคร่งครัดที่จะให้คนใดคนหนึ่งสั่งซื้อและลงชื่อในใบวางบิล/ส่งของ การที่ ส. ลงชื่อในใบวางบิล/ส่งของ หรือลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์แต่อย่างใด โจทก์ไม่มีอำนาจเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 703,129 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 685,981 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัดยูเนียนคราฟท์ส เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 354,903 บาท และให้จำเลยร่วมชำระเงินจำนวน 249,146 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยร่วมชำระเงินจำนวน 685,981 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ขายหินคลุกคิดเป็นจำนวนเงิน 985,981 บาท โดยได้จัดส่งหินคลุกทั้งหมดไปที่โครงการบ้านสวนนำโชค ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างของจำเลยที่ 1 และได้มีการรับมอบสินค้าครบถ้วนแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยร่วมว่า จำเลยที่ 1 หรือจำเลยร่วมเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าประเภทหินคลุกจากโจทก์หรือไม่ และต้องรับผิดเพียงใด สำหรับปัญหาดังกล่าว โจทก์นำสืบได้ความว่านายเกียรติคุณและนายโสภณไปพบโจทก์ แล้วนายเกียรติคุณบอกแก่โจทก์ว่านายโสภณเป็นผู้จัดการโครงการบ้านสวนนำโชคซึ่งเป็นโครงการของจำเลยทั้งสอง และได้รับมอบหมายจากจำเลยทั้งสองให้มาติดต่อซื้อหินคลุกจากโจทก์ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของโครงการดังกล่าวจริง โจทก์จึงส่งหินคลุกให้แก่จำเลยทั้งสอง โดยนายโสภณ นายชาติ และนายเกียรติคุณเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับมอบสินค้าและหินคลุกดังกล่าวนำไปใช้ในโครงการของจำเลยทั้งสองจริง โจทก์จึงเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยทั้งสองมอบหมายให้นายโสภณมาติดต่อซื้อหินคลุกจากโจทก์ อย่างไรก็ตาม จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางนำสืบของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยแต่งตั้งหรือมอบหมายให้นายโสภณมาติดต่อซื้อหินคลุกจากโจทก์ ทั้งไม่เคยติดต่อกับโจทก์ เพราะจำเลยทั้งสองได้ว่าจ้างจำเลยร่วมให้ทำถนนลาดยางในโครงการของจำเลยทั้งสองโดยจำเลยร่วมเป็นผู้จัดหาเครื่องจักร เครื่องใช้ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เอง ทั้งยังปรากฏว่าจำเลยร่วมได้แต่งตั้งให้นายเกียรติคุณเป็นผู้รับมอบอำนาจซึ่งมีอำนาจดำเนินการใด ๆ แทนจำเลยร่วมได้ อีกทั้งในใบวางบิล/ส่งของ เอกสารหมาย จ. 5 ถึง จ. 8 ก็ระบุว่านายเกียรติคุณเป็นผู้สั่งซื้อหินคลุก และจำเลยร่วมก็มิได้ให้การโต้แย้งหรือนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น แต่ให้การรับว่าเคยสั่งซื้อหินคลุกจากโจทก์จริง และจากทางนำสืบของจำเลยทั้งสองข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายเกียรติคุณเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยร่วมให้ดำเนินการลาดยางถนนในโครงการบ้านสวนนำโชคของจำเลยทั้งสองและเป็นผู้สั่งซื้อหินคลุกจากโจทก์เพื่อใช้ในงานดังกล่าว แม้บางครั้งจะมีชื่อนายโสภณเป็นผู้สั่งซื้อก็เนื่องจากนายโสภณกับนายเกียรติคุณคุ้นเคยกัน และนายเกียรติคุณเป็นผู้แนะนำว่านายโสภณเป็นผู้จัดการโครงการบ้านสวนนำโชคซึ่งนายเกียรติคุณรับผิดชอบในการทำถนนลาดยางของโครงการดังกล่าว โจทก์จึงไม่เคร่งครัดที่จะให้คนใดคนหนึ่งสั่งซื้อและลงชื่อในใบวางบิล/ส่งของดังกล่าว ดังจะเห็นได้จากการที่นายโสภณเป็นผู้นำเช็คที่นายเกียรติคุณสั่งจ่ายไปชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์ และให้การต่อพนักงานสอบสวนว่านายเกียรติคุณเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างถนนในโครงการของจำเลยทั้งสอง พยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองนำสืบมาตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ คงมีแต่จำเลยร่วมเท่านั้นที่สั่งซื้อหินคลุกตามใบวางบิล/ส่งของเอกสารหมาย จ. 3 ถึง จ. 8 ไปจากโจทก์ จำเลยร่วมจึงต้องรับผิดชำระหนี้ที่ยังคงค้างชำระ ซึ่งเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 904,049 บาท หักเงินที่จำเลยร่วมชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว 300,000 บาท คงเหลือยอดหนี้ที่ค้างชำระเพียง 604,049 บาท โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยร่วมชำระเงิน 685,981 บาท จึงเป็นการขอเกินจากยอดหนี้ที่จำเลยร่วมค้างชำระ และศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้ไขนั้นไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น แม้จะมิได้มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรหยิบยกขึ้นแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยร่วมชำระเงินจำนวน 604,049 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์เท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นศาลฎีกา โดยกำหนดค่าทนายความรวม 12,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share