คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3316/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ2ลักษณะ1หมวด4นั้นเป็นการโอนสิทธิตามที่เป็นอยู่ตามสภาพเดิมให้แก่ผู้รับโอนเข้ามาเป็นเจ้าหนี้แทนมิได้มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิแต่อย่างใดและโดยปกติลูกหนี้มีข้อต่อสู้เจ้าหนี้คนเดิมอย่างไรก็ยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องนั้นได้รวมทั้งข้อต่อสู้เรื่องอายุความด้วยดังนั้นอายุความที่ลูกหนี้จะยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจึงต้องใช้อายุความเดียวกับที่ลูกหนี้สามารถยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้คนเดิมได้เมื่อปรากฏว่าสิทธิเรียกร้องในคดีนี้เป็นค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำของระหว่างจำเลยกับหจก.อ.ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าการงานที่ได้ทำจึงมีอายุความ2ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/34(1)นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องค่าจ้างแต่ละงวดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/12เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากหจก.อ.ฟ้องคดีเกิน2ปีคดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.อี.เทรดดิ้ง (1982)ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์สาขาหนองคายมาขอโอนและทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินจากจำเลยจำนวน 1,984,600 บาท ให้โจทก์และโจทก์ตกลงยอมรับโอนสิทธิเรียกร้องนั้น ต่อมาโจทก์และห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.อี.เทรดดิ้ง (1982) มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลย และจำเลยมีหนังสือมาถึงโจทก์สาขาหนองคายว่า ไม่ขัดข้องและยินยอมในการรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับชำระเงินดังกล่าวหลังจากห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.อี.เทรดดิ้ง (1982)ก่อสร้างอาคารเสร็จตามสัญญา และส่งมอบงานแก่จำเลยตรวจและรับงานถูกต้องแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่างวดทั้งหมดแก่โจทก์ แต่จำเลยชำระค่างวดงานแก่โจทก์บางส่วน ส่วนที่เหลือจำนวน 1,319,405.40 บาท จำเลยชำระแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอส.อี.เทรดดิ้ง (1982) โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 2,126,230.80 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของเงินต้น 1,319,405.40 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากสิทธิเรียกร้องค่าจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.อี.เทรดดิ้ง (1982) มีอายุความ2 ปี นับแต่วันที่จำเลยรับมอบงานแต่ละงวด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,369,079.50บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น1,048,497.96 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 เมษายน 2536)เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยทำสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.อี.เทรดดิ้ง (1982) ก่อสร้างอาคาร บ้านพัก รั้วและถังน้ำที่สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 4จังหวัดขอนแก่น ตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.14 และห้างดังกล่าวได้ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในเงินค่าจ้างทั้งหมดให้แก่โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.16 ซึ่งจำเลยได้ให้ความยินยอมแล้ว ตามสำเนาหนังสือเอกสารหมาย จ.18 ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดเอส.อี.เทรดดิ้ง (1982) ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จตามสัญญาและจำเลยได้จ่ายค่าจ้างเฉพาะงวดแรกให้แก่โจทก์ ส่วนค่าจ้างที่เหลืองวดที่ 2 ถึงที่ 4 ซึ่งจำเลยตรวจรับงานเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่29 มิถุนายน 2526 วันที่ 20 กันยายน 2526 และวันที่ 10 กันยายน2527 ตามลำดับ จำเลยไม่ได้จ่ายให้แก่โจทก์ คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) (เดิม) หรือมาตรา 193/34(1) (ใหม่)หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 ลักษณะ 1 หมวด 4 นั้น เป็นการโอนสิทธิตามที่เป็นอยู่สภาพเดิมให้แก่ผู้รับโอนเข้ามาเป็นเจ้าหนี้แทนมิได้มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิแต่อย่างใด และโดยปกติลูกหนี้มีข้อต่อสู้เจ้าหนี้คนเดิมอย่างไรก็ยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องนั้นได้ ซึ่งย่อมรวมทั้งมีข้อต่อสู้เจ้าหนี้คนเดิมอย่างไรก็ยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องนั้นได้ ซึ่งย่อมรวมทั้งข้อต่อสู้เรื่องอายุความด้วย โดยเหตุนี้อายุความที่ลูกหนี้จะยกขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจึงต้องใช้อายุความเดียวกับที่ลูกหนี้สามารถยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้คนเดิมได้เมื่อปรากฏว่าสิทธิเรียกร้องในคดีนี้เป็นค่าจ้างตามสัญญาจ้างทำของระหว่างจำเลยกับห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.อี.เทรดดิ้ง (1982)ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าการงานที่ได้ทำ จึงมีอายุความ2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) (เดิม)หรือมาตรา 193/34 (1) (ใหม่) นับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องค่าจ้างแต่ละงวดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 169 (เดิม)หรือมาตรา 193/12 (ใหม่) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2536คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง

Share