แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย4 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปีคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ร่วมเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของเมืองฮ่องกงหรือไม่ ทั้งโต้เถียงกฎหมายอื่น ๆ ของต่างประเทศนอกจากนั้นยังโต้เถียงว่าพยานบุคคลและพยานเอกสารของฝ่ายโจทก์รับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด หรือยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่นั้น เป็นการโต้เถียงถึงปัญหาข้อเท็จจริงที่คู่ความต้องนำสืบเกี่ยวกับกฎหมายของต่างประเทศและโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า บริษัทเทเลวิชั่นบรอดแคสท์จำกัด เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์เรื่องศึกลำน้ำเลือด(The Grand Ganal) บริษัท ยูนิเวอร์แซลซิตี้ สตูดิโอส์ จำกัดเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์เรื่องเลือดนักสู้ (The River)และยอดสืบพันหน้า (Fletch) ภาพยนตร์ทั้งสามเรื่องได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521จำเลยรู้อยู่แล้วว่าแถบวิดีทัศน์ทั้งสามเรื่องเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทดังกล่าว ได้นำแถบวิดีทัศน์ทั้งสามเรื่องออกให้เช่าและเสนอให้เช่าแก่ประชาชนทั่วไปเพื่อการค้า ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 4, 24, 25, 27, 42,43, 44, 47, 49 พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2526 มาตรา 3, 4 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 17, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ขอให้ของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์และจ่ายค่าปรับให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทเทเลวิชั่นบรอดแคสท์ จำกัดและบริษัทยูนิเวอร์แซลซิตี้สตูดิโอส์ จำกัด ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 มาตรา 27 ประกอบมาตรา 44 วรรคสอง จำคุก 4 เดือนปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี หากไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเอกสารการเช่าภาพยนตร์วีดีทัศน์ของกลาง ให้ภาพยนตร์วีดีทัศน์ของกลางตกเป็นของผู้เสียหายและคืนแก่ผู้เสียหาย ให้จ่ายค่าปรับกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย 4 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกปรากฏว่า ฎีกาจำเลยนั้นได้ฎีกาโต้เถียงว่าโจทก์ร่วมเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของเมืองฮ่องกงหรือไม่ รวมทั้งโต้เถียงถึงกฎหมายอื่น ๆของต่างประเทศ นอกจากนั้นก็โต้เถียงว่าพยานบุคคลและพยานเอกสารของฝ่ายโจทก์รับฟังไม่ได้ พยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดหรือยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ข้อโต้เถียงของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้เถียงถึงปัญหาข้อเท็จจริงที่คู่ความต้องนำสืบเกี่ยวกับกฎหมายของต่างประเทศและเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล จำเลยโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยมาโดยเข้าใจว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายฎีกาจำเลยก็ยังเป็นฎีกาที่ต้องห้ามไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่นั่นเอง ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้”
พิพากษายกฎีกาจำเลย