แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินซึ่งจำเลยรับสารภาพว่ายักยอกและยินยอมชดใช้คืนให้โจทก์ เป็นการฟ้องเรียกมูลค่าทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งจำเลยเอาไปโดยไม่มีสิทธิ ทั้งเป็นการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งเดิมโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาและศาลประทับฟ้อง แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณาและศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว คดีอาญายังไม่เด็ดขาดอายุความฟ้องคดีแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 51 วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ในตำแหน่งพนักงานบัญชีประจำธนาคารโจทก์สาขาบางเลน จำเลยร่วมกับพวกอีก 2 คน คือนายไพฑูรย์ดิษฐ์แก้ว ผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขาบางเลน และนายสมบูรณ์อรุณพูลศิลป์ สมุห์บัญชีธนาคารโจทก์สาขาบางเลน ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตทำหลักฐานว่าลูกค้าขอกู้ยืมเงินโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารโจทก์สาขาบางเลนรวม 137 ฉบับ เป็นเงิน 4,092,650 บาทและนายไพฑูรย์กับนายสมบูรณ์ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาอนุมัติรับผิดชอบในการปล่อยเงินให้กู้ยืม ได้ลงนามอนุมัติและตรวจรับรองว่าเป็นเอกสารที่มีลูกค้ากู้ยืมเงินจริง แล้วมอบให้จำเลยเบิกเงินจำนวนดังกล่าว โดยรู้ว่ามิได้มีลูกค้าผู้มีชื่อตามตั๋วสัญญาใช้เงินกู้ยืมแล้วนำไปเป็นประโยชน์ของจำเลย 600,000 บาท ของนายไพฑูรย์2,144,650 บาท ของนายสมบูรณ์เป็นเงิน 1,348,000 บาท ต่อมาวันที่ 11 สิงหาคม 2524 จำเลยรับสารภาพความผิดแต่ไม่ยอมชดใช้เงินจำนวน 600,000 บาท แก่โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว และออกหมายจับจำเลยไว้แล้วขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 600,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ร่วมกับนายไพฑูรย์ ดิษฐ์แก้ว และนายสมบูรณ์ อรุณพูลศิลป์ ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังเอาเงินของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยจำนวน 600,000 บาทจำเลยมิได้รับสารภาพความผิด การกระทำที่โจทก์อ้าง เมื่อนับถึงวันฟ้องล่วงเลยเกินไป 10 ปี คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 และสิทธิฟ้องคดีแพ่งของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ของโจทก์จำนวน600,000 บาท คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยคืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 600,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ว่า เดิมจำเลยถูกฟ้องที่ศาลจังหวัดนครปฐมในคดีอาญาว่า ตั้งแต่วันที่ 27เมษายน 2524 ถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2524 จำเลยยักยอกเงินโจทก์ศาลจังหวัดนครปฐมไต่สวนมูลฟ้อง มีคำสั่งประทับฟ้องแล้วจำหน่ายคดีชั่วคราวเพราะยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณาคดี โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2534 เป็นเวลาเกิน 10 ปีนับแต่วันที่โจทก์อ้างว่าจำเลยยักยอกเงิน คดีจึงขาดอายุความฟ้องร้องเรียกเงินที่ยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(3) ประกอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรค 2 นั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เรียกเงินจำนวน 600,000 บาท ซึ่งจำเลยรับสารภาพว่ายักยอกและยินยอมชดใช้คืนให้โจทก์ เป็นการฟ้องเรียกมูลค่าทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งจำเลยเอาไปโดยไม่มีสิทธิ ทั้งเป็นการฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งเดิมโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาและศาลจังหวัดนครปฐมประทับฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2524 แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาพิจารณาและศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวคดีอาญายังไม่เด็ดขาด อายุความซึ่งโจทก์เป็นผู้เสียหายมีสิทธิจะฟ้องคดีแพ่งย่อมสดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 51 วรรค 2 โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้วันที่ 30 สิงหาคม 2534คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ…”
พิพากษายืน.