แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อฟ้องเดิมของโจทก์ถูกยกฟ้องเสียแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปด้วยจึงไม่มีคำฟ้องใดที่ศาลอีก จำเลยอุทธรณ์เฉพาะฟ้องแย้งไม่ได้ เพราะฟ้องโจทก์ถูกยกเสียแล้วศาลก็ต้องยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย ดังนี้ การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๙๔๖ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ แก่โจทก์ภายในกำหนด ๗ วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายวันละ ๑,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ เพราะโจทก์ได้ร่วมกับนายทองฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๙๐๒/๒๕๒๙ ขอให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ประพฤติเนรคุณ ขอเพิกถอนการให้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่๙ ธันวาคม ๒๕๒๙ ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๑๓๒/๒๕๒๙ ของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ แต่จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นฟ้องซ้อน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ โจทก์แถลงรับว่าปัจจุบันโฉนดที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๑ เพียงคนเดียว ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๒และที่ ๓ เดิมโจทก์ได้ร่วมกับนายทองฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๙๐๒/๒๕๒๙ ของศาลชั้นต้น ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งว่า โจทก์ประพฤติเนรคุณ ขอให้ถอนการให้โดยเสน่หาในโฉนดที่ดินพิพาท ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลย จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์เฉพาะฟ้องแย้ง คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อสอบข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานโจทก์ ส่วนจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๑๓๒/๒๕๒๙ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ให้แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของร่วมในโฉนดที่ดินกับจำเลยที่ ๑ที่ ๒ และที่ ๓ จำเลยที่ ๑ ให้การรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาท แต่โจทก์ประพฤติเนรคุณจึงฟ้องแย้งขอถอนการให้โดยเสน่หาในที่ดินพิพาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟ้องโจทก์ว่า ฟ้องเคลือบคลุมและยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวถือว่าฟ้องเดิมตกไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อไม่มีฟ้องเดิมแล้วฟ้องแย้งของจำเลยจึงตกไปด้วย จำเลยจะอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เฉพาะในเรื่องฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย ดังนี้ เห็นว่า เมื่อฟ้องโจทก์ถูกยกฟ้องเสียแล้ว ฟ้องแย้งจำเลยก็ตกไปด้วย จึงไม่มีคำฟ้องใดที่ศาลอีก ดังนั้นการที่โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นคดีนี้อีก ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโจทก์ต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.