แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530มาตรา 21 บัญญัติว่า เงินค่าทดแทนที่จะให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา 18 นั้น ถ้ามิได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฉบับใดโดยเฉพาะแล้ว ให้กำหนดโดยคำนึงถึง (1) ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนตามที่เป็นอยู่ในวันใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 6 ฯลฯการที่คณะกรรมการของจำเลยได้กำหนดค่าทดแทนค่าที่ดินให้แก่โจทก์ โดยอาศัยราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามมาตรา 21(3) โดย ไม่คำนึงถึงราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนตามที่เป็นอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินฯ พ.ศ. 2530 ใช้บังคับด้วย กรณีจึงไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ผู้ถูกเวนคืน เมื่อศาลวินิจฉัยให้โจทก์ได้รับชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้นแล้วโจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นนับแต่วันที่ต้องมีการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนนั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530มาตรา 26 วรรคท้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่38646 เลขที่ดิน 1389 ตำบลบางซื้อ (บางเขนฝั่งใต้)อำเภอดุสิต (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร จำเลยยัง ได้ทำการเวนคืนที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีและเขตบางเขน เขตดุสิต เขตพญาไท เขตปทุมวันเขตบางรัก เขตยานนาวา เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2530 ทำให้ที่ดินโจทก์ดังกล่าวถูกเวนคืนทั้งหมด จำเลยกำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ในอัตราตารางวาละ 6,000 บาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้จำเลยชำระเงิน 465,395 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9.5 ต่อปี ของต้นเงิน 416,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การว่า ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมกรเพื่อทำหน้าที่กำหนดราคาเบื้องต้นและจำนวนเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนในท้องที่เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร คณะกรรมการดังกล่าวได้ประชุมกำหนดเงินค่าทดแทนที่จะจ่ายค่าทดแทนที่ดินตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 9 และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 แล้วมีมติเห็นชอบให้ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (ราคาประเมินของกรมที่ดิน) ในปี 2531 ถึงปี2534 เป็นหลักเกณฑ์ในการคิดค่าทดแทนที่ดินเนื่องจากมีราคาสูงกว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการตีราคาไว้เพื่อประโยชน์แก่การเสียภาษีบำรุงท้องที่ สำหรับที่ดินของโจทก์คณะกรรมการได้พิจารณากำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ตามบัญชีราคาประเมินที่ดินเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ของกรมที่ดินในโซน 66 บล็อก พีหน่วยที่ 2 ติดซอยในระยะ 40 เมตร ราคา ตารางวาละ6,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกต้องเหมาะสมเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยไม่ต้องชดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน416,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 9.5 ต่อปี นับแต่วันที่6 ธันวาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกาว่า
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คณะกรรมการได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซึ่งสูงกว่าราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่มีการตีราคาไว้เพื่อประโยชน์แก่การเสียภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 21 บัญญัติว่าเงินค่าทดแทนที่จะให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามมาตรา 18นั้น ถ้ามิได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฉบับใดโดยเฉพาะแล้วให้กำหนดโดยคำนึงถึง (1)ราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนตามที่เป็นอยู่ในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 6 ฯลฯ การที่คณะกรรมการของจำเลยได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์โดยอาศัยราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามมาตรา 21(3) โดยไม่คำนึงถึงราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนตามที่เป็นอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน พ.ศ.2530 ใช้บังคับด้วยกรณีจึงไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ผู้ถูกเวนคืน และข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนกับที่ดินของนายธวัชชัยจันทร์กะพ้อ อยู่ตรงข้ามกันและห่างกันประมาณ 5 เมตรตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่27 ธันวาคม 2534 และจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินของนายธวัชชัยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2531 ในราคาตารางวาละ10,000 บาท ซึ่งเห็นได้ว่าที่ดินของโจทก์และของนายธวัชชัยอยู่ในบริเวณเดียวกันและนับใกล้กันมาก ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่โจทก์ผู้ถูกเวนคืน การกำหนดค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนจึงควรจะเป็นราคาอย่างเดียวกับที่จำเลยซื้อจากนายธวัชชัย การที่คณะกรรมการของจำเลยกำหนดค่าทดแทนที่ดินให้แก่โจทก์ในราคาตารางวาละ 6,000 บาท จึงต่ำไปเห็นสมควรให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้นให้แก่โจทก์ในราคาตารางวาละ 10,000 บาท และสำหรับดอกเบี้ยซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับหรือไม่เพียงใดนั้น เมื่อศาลวินิจฉัยให้โจทก์ได้รับชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้นแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นนับแต่วันที่ต้องมีการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนนั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 26 วรรคท้ายซึ่งโจทก์อ้างว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นมีอัตราร้อยละ 9.5 ต่อปี จำเลยไม่ได้นำสืบว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 9.5 ต่อปี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน