แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งความผิดในคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานและประกอบกิจการ ไม่เกี่ยวกับอาชีพหรือวิชาชีพที่จำเลยประกอบอยู่ คำสั่งศาลในคดีก่อนที่สั่งให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาตนั้น หาใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50 ไม่ เมื่อปรากฏต่อมาว่าจำเลยได้ประกอบกิจการโรงงานของจำเลยอีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่รับอนุญาตและสั่งให้หยุดกิจการจนกว่าจะได้รับอนุญาต แล้วจำเลยได้ฝ่าฝืนคำสั่งศาลดังกล่าว โดยได้ประกอบกิจการโรงงานของจำเลยเรื่อยมา ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 1 เดือน และให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาต แต่ให้อยู่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันพ้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196 เป็นความผิดที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของศาลซึ่งได้สั่งไว้ในคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50 คำสั่งของศาลจะถือว่าเป็นคำสั่งห้ามตามมาตรา 50 นั้น จะต้องได้ความว่า จำเลยประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ และได้กระทำความผิดโดยอาศัยโอกาสจากการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หรือเนื่องจากการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ และศาลเห็นว่า หากจำเลยประกอบอาชีพหรือวิชาชีพนั้นต่อไป อาจกระทำความผิดเช่นนั้นขึ้นอีก ศาลจะสั่งไว้ในคำพิพากษาห้ามประกอบอาชีพหรือวิชาชีพนั้นมีกำหนดเวลาไม่เกินห้าปีนับแต่วันพ้นโทษไปแล้วก็ได้ แต่ความผิดของจำเลยในคดีก่อนเป็นความผิดฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงาน ความผิดเกิดขึ้นเพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานและประกอบกิจการ ไม่เกี่ยวกับอาชีพหรือวิชาชีพที่จำเลยประกอบอยู่ คำสั่งของศาลในคดีก่อนที่สั่งให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาตหาใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50 ไม่ การที่จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว โดยได้ประกอบกิจการโรงงานเรื่อยมา จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196
พิพากษายืน