แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลแรงงานได้พิจารณาพยานหลักฐานที่ทุกฝ่ายนำสืบตามกฎหมายลักษณะพยานตลอดจนวิธีพิจารณาความแล้วข้อเท็จจริงปรากฎตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ความว่าโจทก์มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยหรือจำเลยร่วมเป็นเหตุชัดแจ้งแล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องข้อบังคับให้จำเลยหรือจำเลยร่วมให้ต้องรับผิดตามที่โจทก์ฟ้องสามารถสรุปผลในประเด็นแห่งคดีได้คือโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ต้องอาศัยเหตุผลจากพยานหลักฐานของจำเลยและจำเลยร่วมมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์อีก คำวินิจฉัยในส่วนพยานหลักฐานจำเลยและจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นในประเด็นแห่งคดี
ย่อยาว
คดีทั้งสิบเจ็ดสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรวมพิจารณากับคดีอื่นอีกสี่สำนวนซึ่งถึงที่สุดไปโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์ โดยให้เรียกโจทก์ทั้งสิบเจ็ดตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 3 โจทก์ที่ 5ถึงที่ 13 โจทก์ที่ 15 ถึงที่ 18 และโจทก์ที่ 20 ที่ 21
โจทก์ทั้งสิบเจ็ดฟ้องว่า นายบุญลือ พรมจันทร์ ผู้รับเหมาช่วงงานมาจากจำเลยซึ่งเป็นผู้รับเหมาชั้นต้น ได้จ้างโจทก์ทั้งสิบเจ็ดเข้าทำงานเป็นลูกจ้างตามวันเวลาและอัตราค่าจ้างตามฟ้องในช่วงวันที่ 1 สิงหาคม 2536 ถึงวันที่ 15 กันยายน 2536 นายบุญลือค้างชำระค่าจ้างโจทก์ จำเลยในฐานะผู้รับเหมาชั้นต้นจึงต้องร่วมรับผิดในเงินค่าจ้างที่ค้างชำระแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์แต่ละคนตามฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยรับจ้างเหมาก่อสร้างกับบริษัทเมอร์ลินแกรเวล เซอร์วิส จำกัด จำเลยไม่เคยจ้างนายบุญลือ พรมจันทร์ ให้ทำงานเกี่ยวกับงานรับเหมาก่อสร้างให้จำเลย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางหมายเรียกบริษัทเอสทีวีคอนสตรั๊คชั่น จำกัดเข้ามาเป็นจำเลยร่วม เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
จำเลยร่วมให้การว่า ในเดือนสิงหาคม 2536 และเดือนกันยายน 2536 จำเลยร่วมไม่ได้จ้างนายบุญลือ พรมจันทร์ ให้รับเหมาก่อสร้าง ให้จำเลยร่วม เพราะจำเลยร่วมได้ส่งมอบงานและขอเบิกค่าจ้างงวดที่ 20 ที่เป็นค่าจ้าง งวดสุดท้าย ตั้งแต่วันที่ 20มีนาคม 2536 จำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับนายบุญลือ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่านายบุญลือ พรมจันทร์ มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยและจำเลยร่วมและจำเลยกับจำเลยร่วมมีหนี้ค้างชำระแก่โจทก์แต่ละคน พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งหมด ยกเว้นโจทก์ที่ 2 ที่ถอนฟ้องไปแล้ว
โจทก์ทั้งสิบเจ็ดสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ปัญหาที่โจทก์ทั้งสิบเจ็ดสำนวนอุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางไม่ได้วินิจฉัยพยานจำเลยและจำเลยร่วมว่าสามารถหักล้างพยานโจทก์ได้หรือไม่ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายลักษณะพยานและวิธีพิจารณาความในศาลแรงงานนั้น เห็นว่า ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาพยานหลักฐานที่ทุกฝ่ายนำสืบตามกฎหมายลักษณะพยานตลอดจนวิธีพิจารณาความแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฎตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบรับฟังไม่ได้ความว่าโจทก์มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยหรือจำเลยร่วมเป็นเหตุชัดแจ้งแล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องขอบังคับให้จำเลยหรือจำเลยร่วมให้ต้องรับผิดตามที่โจทก์ฟ้อง สามารถสรุปผลในประเด็นแห่งคดีได้คือโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ต้องอาศัยเหตุผลจากพยานหลักฐานของจำเลยและจำเลยร่วมมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์อีก คำวินิจฉัยในส่วนพยานหลักฐานจำเลยและจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นในประเด็นแห่งคดี ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน