แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์มรดกผู้ตาย ระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณา ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วม ขณะคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ โจทก์จำเลยตกลงประมูลเก็บผลประโยชน์ทรัพย์มรดกพิพาท ผู้ใดประมูลได้ ให้วางเงินต่อศาลทุกเดือนจนกว่าคดีถึงที่สุด โจทก์ที่ 2 ประมูลได้ จึงวางเงินต่อศาลทุกเดือนเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้แบ่งทรัพย์มรดกของผู้ตายแก่ทายาท โจทก์ร่วมมีสิทธิได้รบส่วนแบ่งตามคำพิพากษาด้วย โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิร้องขอบังคับคดี โดยให้โจทก์ที่ 2 นำเงินค่าผลประโยชน์ดังกล่าวมาวางศาลได้
ย่อยาว
เดิม โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกทรัพย์มรดกของนายหลำ ระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทั้งสองเข้าเป็นโจทก์ร่วม ขณะคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ โจทก์จำเลยได้ตกลงประมูลการเก็บผลประโยชน์ทรัพย์พิพาทและตกลงกันว่าผู้ใดประมูลได้ ให้วางเงินต่อศาลทุกเดือน เพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ประมูลจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โจทก์ที่ ๒ ประมูลได้ในราคาเดือนละ ๙๕๐ บาท จึงต้องวางเงินต่อศาลเดือนละ ๔๗๕ บาท ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้แบ่งทรัพย์มรดกของนายหลำให้แก่ทายาท ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีและให้จ่าศาลคิดแบ่งเงินผลประโยชน์ให้แก่โจทก์จำเลยตามส่วนที่ควรจะได้ เป็นเงินผลประโยชน์ ๒๔ เดือน ๒๒,๘๐๐ บาท ฝ่ายโจทก์ควรได้ ๑๕,๐๔๘ บาท จำเลยควรได้ ๗,๗๕๒ บาท แต่โจทก์ที่ ๒ นำเงินวางศาลเพียง ๑๑,๐๐๐ บาท เมื่อจ่ายให้จำเลยเสีย ๗,๗๕๒ บาท คงเหลือเงิน ๓,๖๔๘ บาท ซึ่งจะต้องคืนให้โจทก์
โจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคำร้องว่า เงินผลประโยชน์ดังกล่าว โจทก์ร่วมมีสิทธิจะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงิน ๖,๐๑๙ บาท ๒๐ สตางค์ ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์ที่ ๒ นำเงินผลประโยชน์ที่โจทก์ที่ ๒ ยังวางไม่ครบมาวางศาลเพื่อแบ่งให้โจกท์ร่วมต่อไป
โจทก์ที่ ๒ ค้านว่า โจทก์ร่วมหามีข้อพิพาทใดๆ กับโจทก์ไม่ หากโจทก์ร่วมจะโต้แย้งสิทธิกับโจทก์ประการใด ก็ชอบที่จะดำเนินคดีกับโจทก์ต่อไปต่างหาก ทั้งจำนวนเงินที่โจทก์ร่วมอ้างว่ามีสิทธิ ก็ยังไม่เป็นที่รับกันแน่นอน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ร่วมมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในเงินผลประโยชน์ ๒ ใน ๕ ส่วนจากเงิน ๑๕,๐๔๘ บาท และมีสิทธิขอให้บังคับคดี
โจทก์ที่ ๒ อุทธรณ์ว่า โจทก์ร่วมเป็นบุคคลภายนอก จะขอให้ศาลบังคับคดีอย่างใดก็ต้องดำเนินคดีต่างหาก ไม่มีอำนาจขอให้ศาลสั่งโจทก์นำเงินมาวางศาล
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้แบ่งทรัพย์มรดกของนายหลำให้แก่ทายาทของนายหลำ ซึ่งโจทก์ร่วมมีสิทธิได้คนละ ๑ ส่วน เงินผลประโยชน์ในทรัพย์พิพาทจำนวน ๑๕,๐๔๘ บาท จึงตกเป็นมรดกของผู้ตายซึ่งจะต้องแบ่งกัน เมื่อคดีถึงที่สุดและคิดแล้วปรากฏว่า โจทก์ยังวางเงินผลประโยชน์ไม่พอจำนวนที่ศาลจะจัดแบ่งให้แก่ทายาทของผู้ตายตามคำพิพากษาศาลฎีกา และโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิจะได้รับส่วนแบ่งด้วย โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิร้องขอบังคับคดีโดยให้โจทก์ที่ ๒ นำเงินค่าผลประโยชน์ดังกล่าวมาวางศาลได้
พิพากษายืน