คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อพิพาทเกี่ยวกับภาษีอากรว่าจำเลยได้นำเงินค่าเช่าซื้อมาเป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มและการที่โจทก์ไม่ได้ยื่นแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือภายในกำหนดเวลา มิได้เกิดจากคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน แต่เป็นการไม่ได้ยื่นเพราะเชื่อตามคำแนะนำชี้แจงของเจ้าพนักงาน และโจทก์ไม่ได้ยืนยันที่จะยื่นในขณะที่ยังอยู่ในกำหนดเวลาที่จะยื่นได้ ถือว่าเจ้าพนักงานยังมิได้มีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยในเรื่องนี้ ตามมาตรา 7(1) คดีของโจทก์ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ให้พนักงานของโจทก์ไปยื่นแบบคำขอเครดิตในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าคงเหลือ แบบคำขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าคงเหลือ และแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือก่อนวันที่ 1 มกราคม2525 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย แต่ได้รับการชี้แจงจากพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยว่าให้ยื่นไว้เฉพาะแบบคำขอเครดิตในการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าคงเหลือ กับแบบคำขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าคงเหลือ สำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือไม่ต้องยื่นเพราะถ้าโจทก์มีสัญญาเช่าซื้อทำก่อนวันที่ 1มกราคม 2535 โจทก์ก็มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนนี้อยู่แล้ว ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2535 พนักงานเจ้าหน้าที่ชุดตรวจแนะนำภาษีมูลค่าเพิ่มของจำเลยมาตรวจแนะนำโจทก์ว่า โจทก์จะต้องยื่นแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือด้วย จึงจะมีสิทธิได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มดังนั้น ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 โจทก์จึงนำแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือไปยื่นกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งว่ายื่นเลยกำหนดเวลาแล้ว ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2535 โจทก์ได้ทำหนังสือถึงจำเลยว่า ความผิดพลาดในการยื่นแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือเกิดจากความบกพร่องของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย วันที่ 31 สิงหาคม 2535จำเลยได้มีหนังสือแจ้งมาให้โจทก์ทราบว่า อธิบดีกรมสรรพากรไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะพิจารณาขยายกำหนดเวลาในการยื่นแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือ ทำให้โจทก์เสียหายขอให้บังคับจำเลยรับแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือที่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อก่อนวันที่1 มกราคม 2535 และหรือให้จำเลยไม่มีสิทธินำยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือดังกล่าวซึ่งมีเงินค่าเช่าซื้อที่ลูกค้าจะต้องชำระให้แก่โจทก์จำนวน 38,541,640 บาท มาเป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเรียกเก็บเงินภาษีจากโจทก์
ศาลภาษีอากรกลางตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้ว มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลให้ทั้งหมด
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏข้อพิพาทเกี่ยวกับภาษีอากรว่าจำเลยได้นำเงินค่าเช่าซื้อดังกล่าวมาเป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเรียกเก็บภาษีอากรจากโจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์ไม่ได้ยื่นแบบคำขอรับสิทธิยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับยอดลูกค้าเช่าซื้อคงเหลือภายในกำหนดเวลามิได้เกิดจากคำสั่งหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน แต่เป็นการไม่ได้ยื่นเพราะเชื่อตามคำแนะนำชี้แจงของเจ้าพนักงาน และโจทก์ไม่ได้ยืนยันที่จะยื่นในขณะที่ยังอยู่ในกำหนดเวลาที่จะยื่นได้ เจ้าพนักงานตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรจึงยังมิได้มีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยในเรื่องนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 7(1) คดีของโจทก์ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลอากรกลาง ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่รับคำฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share