แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา หากศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีจะเป็นการยุ่งยาก โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (สำนวนตอน 2 อันดับ 31)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันโอนหุ้นของบริษัท เจ.บี.จำกัด939หุ้นบริษัทจุติพาณิชย์ จำกัด 1,503 หุ้น บริษัทเรือขุดแร่เชิงทะเล จำกัด 376 หุ้น บริษัทเรือขุดแร่บุญสูง จำกัด 657 หุ้น และบริษัทเรือขุดแร่จุติ จำกัด 1,499 หุ้น รวมทั้งหมด 4,974 หุ้น ให้แก่โจทก์และรับเงินจำนวน 7,000,000 บาท (เจ็ดล้านบาท) จากโจทก์ ถ้าไม่สามารถโอนหุ้นดังกล่าวได้ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันนำเงินจาก กองมรดกของนายจุต บุญสูง หรือนำทรัพย์สินจากกองมรดกออก ขายทอดตลาดเพื่อชำระเงินจำนวน 24,092,520.61 บาท (ยี่สิบสี่ล้าน เก้าหมื่นสองพันห้าร้อยยี่สิบบาทหกสิบเอ็ดสตางค์) ชดใช้ค่าเสียหาย ให้แก่โจทก์ หากไม่สามารถปฏิบัติตามข้างต้นได้ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้ จำนวนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ในฐานะส่วนตัว
โจทก์ฎีกา (สำนวนตอน 2 อันดับ 16)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (สำนวนตอน 2อันดับ 7,6)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว หากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันหรือคนใดคนหนึ่งหาประกันสำหรับจำนวนเงิน 24,092,520.61 บาท(ยี่สิบสี่ล้านเก้าหมื่นสองพันห้าร้อยยี่สิบบาทหกสิบเอ็ดสตางค์) ที่จะต้องชำระตาม คำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาวางศาลจนเป็นที่พอใจ และภายในเวลา ที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง