คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6529/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้เพิ่งซ่อมเสร็จหลังจากโจทก์ที่1ฟ้องคดีแล้วแต่สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ที่1ในฐานะผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวมีต่อจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยบังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุดังนั้นโดยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224วรรคหนึ่งโจทก์ที่1จึงชอบที่จะฟ้องเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าสินไหมทดแทนเอาแก่จำเลยนับแต่วันฟ้องซึ่งเป็นวันในระหว่างเวลาที่จำเลยผิดนัดได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 8ธ-5251 กรุงเทพมหานคร ไว้กับจำเลยส่วนโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว รถยนต์ของโจทก์ที่ 2ถูกผู้มีชื่อขับไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะ หลังเกิดเหตุจำเลยรับจะซ่อมรถยนต์คันของโจทก์ที่ 2 ให้อยู่ในสภาพเดิมแต่จำเลยไม่จัดการให้ โจทก์ทั้งสองจึงนำรถยนต์คันดังกล่าวไปซ่อมเสียเงินค่าซ่อมไปเป็นเงิน 800,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน800,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การว่า รถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยไว้เสียหายไม่มาก ค่าเสียหายอย่างสูงไม่เกิน 60,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 695,100 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ยกฟ้องโจทก์ที่ 2ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของโจทก์ที่ 2 ให้ตกเป็นพับ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับข้อฎีกาของจำเลยที่ว่า ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินค่าสินไหมทดแทนจำนวน 695,100 บาท นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2535ซึ่งเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ที่ 1 ย่อมเป็นการไม่ชอบ เพราะขณะยื่นฟ้องโจทก์ที่ 1 ยังซ่อมแซมรถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยไว้ไม่เสร็จ โจทก์ที่ 1 จึงยังมิได้จ่ายเงินค่าซ่อมให้แก่ผู้ซ่อม โจทก์ที่ 1 จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องเรียกดอกเบี้ยเอาแก่จำเลยตั้งแต่วันฟ้องนั้น เห็นว่า แม้ทางนำสืบของโจทก์ที่ 1 จะได้ความว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 8ธ-5251กรุงเทพมหานคร ที่จำเลยรับประกันภัยไว้จะเพิ่งซ่อมเสร็จหลังจากโจทก์ที่ 1 ฟ้องคดีแล้วก็ตาม แต่สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ที่ 1 ในฐานะผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวมีต่อจำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยบังเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ ดังนั้นโดยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่งโจทก์ที่ 1 จึงชอบที่จะฟ้องเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินค่าสินไหมทดแทนเอาแก่จำเลยนับแต่วันฟ้องซึ่งเป็นวันในระหว่างเวลาที่จำเลยผิดนัดได้
พิพากษายืน

Share