แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์เป็นเวลา 3 เดือน เมื่อครบกำหนดตามสัญญาจำเลยไม่เลิกจ้างโจทก์ แต่ลดค่าจ้างโจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ทำให้ยอดการขายตก ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ตกลงด้วยจำเลยก็หาอาจลดค่าจ้างโจทก์ได้ไม่ เพราะการที่โจทก์ทำให้ยอดการขายตกลงนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับโจทก์อีกส่วนหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำโดยจำเลยตกลงจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท แล้วจำเลยลดค่าจ้างลงเหลือเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยให้โจทก์ทำงานในตำแหน่งเดิมซึ่งจำเลยไม่มีอำนาจกระทำได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยกับโจทก์มีสัญญาจ้างกันโดยกำหนดจำนวนขายไว้ ๕๐๐ หน่วยภายใน ๓ เดือน โจทก์ทำจำนวนขายไม่ได้ตามที่ตกลงกันไว้จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๕ เป็นต้นไป
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์โดยจะจ่ายค่าจ้างให้โจทก์เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท สัญญาจ้างมีอายุ ๓ เดือนครบกำหนดตามสัญญาจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ แต่กลับลดค่าจ้างโจทก์เหลือเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยอ้างว่าโจทก์ทำให้ยอดการขายตก กรณีจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๑ ว่า คู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่โดยความอย่างเดียวกันกับสัญญาเดิมซึ่งหมายความว่าเงื่อนไขต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามสัญญาเดิม จำเลยจะลดค่าจ้างโจทก์ไม่ได้ ส่วนการที่โจทก์ทำให้ยอดการขายตก จำเลยจะต้องว่ากล่าวเอากับโจทก์อีกส่วนหนึ่ง จะกระทำโดยวิธีลดค่าจ้างโดยโจทก์ไม่ได้ตกลงด้วยหาได้ไม่
พิพากษายืน