คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะขอบวชหรืออุปสมบทได้โดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์และสังฆาณัตินั้นจะต้องมีพระอุปัชฌายะซึ่งให้บรรพชาอุปสมบทได้แต่ที่โจทก์บวชโดยพระอุปัชฌายะในต่างประเทศซึ่งไม่ปรากฏว่าได้รับแต่งตั้งโดยถูกต้องให้เป็นผู้อุปสมบทเช่นนี้ย่อมถือว่าการบวชนั้นเป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ไม่ได้
การที่มีประกาศแถลงการณ์คณะสงฆ์ 2 ฉบับก็เนื่องจากที่โจทก์ต้องหาว่าประพฤติคลุกคลีกับมาตุคามจนถูกบังคับให้สึกแต่ใช้ถ้อยคำไม่เหมือนกันเท่านั้นไม่ได้หมายความว่าโจทก์ซ่องเสพเมถุนกับมาตุคามดังโจทก์ฎีกา จึงหาเป็นการละเมิดอย่างใดไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์บวชโดยพระอุปัชฌายะที่นครจำปาศักดิ์ในเขตอินโดจีนถูกต้องตามพระธรรมวินัยแล้วมาจำพรรษาอยู่วัดใหม่พิมสุวรรณ จำเลยได้ประกาศและโฆษณาว่าโจทก์เป็นพระภิกษุต้องอธิกรฉายาปราชิกฐานคลุกคลีกับมาตุคามห้ามเจ้าอาวาสวัดใด ๆ รับโจทก์ไว้ ซึ่งไม่ใช่ความจริงเป็นการละเมิดและเสียหายแก่โจทก์และขอให้เพิกถอนประกาศและใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ได้บวชจากพระอุปัชฌายะที่แต่งตั้งตามสังฆาณัติ จึงไม่มีสิทธิฟ้อง ประกาศนั้นชอบแล้ว ไม่เป็นการละเมิดสิทธิอย่างใด โจทก์ไม่เสียหาย

ศาลชั้นต้นเห็นว่าการบวชของโจทก์มิชอบและจำเลยกระทำตามหน้าที่พิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์จะบวชโดยอุปัชฌายะในต่างประเทศก็เป็นการถูกต้องตามพระธรรมวินัย และว่าประกาศแถลงการณ์เป็นการละเมิด

ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 7 สมเด็จพระสังฆราชทรงบัญญัติสังฆาณัติ โดยคำแนะนำของสังฆสภาและตามสังฆาณัติระเบียบพระอุปัชฌายะ พ.ศ. 2487 มาตรา 13 บัญญัติว่าพระอุปัชฌายะมีหน้าที่ให้บรรพชาอุปสมบทกุลบุตรได้เฉพาะตนจะตั้งหรือขอให้ภิกษุอันซึ่งมิได้รับแต่งตั้งเป็นอุปัชฌายะทำหน้าที่แทนตนไม่ได้ และตามมาตรา 4 อุปัชฌายะ หมายความว่าพระภิกษุผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหน้าที่เป็นประธานในการให้บรรพชาอุปสมบทฉะนั้น จึงเห็นได้ว่าผู้ที่จะบวชหรืออุปสมบทได้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์และสังฆาณัติที่กล่าวมาจะต้องมีพระอุปัชฌายะซึ่งให้บรรพชาอุปสมบทได้ แต่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าบวชโดยพระอุปัชฌายะที่นครจำปาศักดิ์ในเขตอินโดจีนไม่ปรากฏว่าเป็นพระอุปัชฌายะที่ได้รับแต่งตั้งอันถูกต้องเป็นผู้ให้อุปสมบทเช่นนี้จะถือว่าการบวชของโจทก์เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติที่กล่าวมิได้

เห็นว่าการที่มีประกาศ (แถลงการณ์คณะสงฆ์) 2 ฉบับนี้ก็เนื่องจากที่โจทก์ต้องหาว่าประพฤติตนคลุกคลีกับมาตุคามจนถูกบังคับให้สึก ข้อความในประกาศ 2 ฉบับก็เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์ประพฤติดังที่ถูกกล่าว หากใช้ถ้อยคำไม่เหมือนกันเท่านั้น ใจความในประกาศฉบับหลังมิได้หมายความว่าโจทก์ซ่องเสพเมถุนกับมาตุคามดังโจทก์ฎีกาขึ้นมา จึงถือเป็นการละเมิดอย่างใดมิได้

พิพากษายืน

Share