แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานของธนาคารซึ่งเป็นผู้แทนของธนาคาร จ่ายเงินจากบัญชีของลูกค้าไปโดยลูกค้าไม่ได้สั่ง ธนาคารตัวการต้องรับผิดเกี่ยวกับเงินจำนวนที่พนักงานของตนจ่ายจากบัญชีของลูกค้า การที่จำเลยร่วมกันนำเช็คซึ่งปลอมลายมือชื่อลูกค้าไปเบิกเงินจากธนาคารย่อมได้ชื่อว่ากระทำให้ธนาคารเสียหาย ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหาย
ผู้จัดการธนาคารสำนักงานใหญ่มอบอำนาจให้ บ. ไปร้องทุกข์ในฐานะผู้จัดการของธนาคาร มิใช่มอบอำนาจให้ไปร้องทุกข์ในฐานะส่วนตัว เมื่อ บ. ไปร้องทุกข์ไว้ถือได้ว่าธนาคารได้ร้องทุกข์ไว้แล้ว ดังนั้นแม้ผู้จัดการตาย กรณีก็ไม่ใช่ลักษณะสัญญาตัวแทนย่อมระงับสิ้นไป เมื่อคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย อันจะเป็นเหตุอ้างว่า บ. ไม่มีอำนาจร้องทุกข์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันปลอมเช็ค โดยนำเอาแบบพิมพ์เช็คซึ่งธนาคารสาขาจัดทำไว้และจ่ายให้ลูกค้าไปเพื่อใช้สั่งจ่ายเงินตามบัญชี มาเขียนกรอกข้อความปลอมลายมือลูกค้า แล้วสั่งจ่ายเงิน ต่อมาจำเลยร่วมกันนำเช็คปลอมดังกล่าวไปขอรับเงินจากพนักงานของธนาคาร ฯลฯ บ. รับมอบอำนาจจากกรรมการผู้จัดการธนาคารไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266, 268, 341, 83 ฯลฯ
ธนาคารเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268, 266, 341 ลงโทษตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ1 ปี ฯลฯ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พนักงานของธนาคารซึ่งเป็นผู้แทนของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด จ่ายเงินจากบัญชีของนายเต็กเผ่าไปโดยนายเต็กเผ่าไม่ได้สั่ง ธนาคารตัวการต้องรับผิดเกี่ยวกับเงินจำนวนที่พนักงานของตนจ่ายจากบัญชีของนายเต็กเผ่า การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันนำเช็คปลอมที่ลายมือชื่อที่กรอกข้อความในเช็คและลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่ใช่ของนายเต็กเผ่า และพนักงานธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด หลงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของนายเต็กเผ่าจึงจ่ายเงินจากบัญชีของนายเต็กเผ่าไปนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสามได้ชื่อว่ากระทำให้ธนาคารเสียหาย ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหายในคดีนี้
เหตุเกิดระหว่างหม่อมเจ้าอาชวดิศเป็นผู้จัดการของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์ จำกัด สำนังานใหญ่ มอบอำนาจให้นายบัญญัติไปร้องทุกข์ในฐานะผู้จัดการธนาคาร หาใช่มอบอำนาจให้ไปร้องทุกข์ในฐานะส่วนตัวของหม่อมเจ้าอาชวดิศไม่ เมื่อนายบัญญัติไปร้องทุกข์ไว้แล้ว ถือได้ว่าคดีนี้ธนาคารได้ร้องทุกข์ไว้แล้วโดยหม่อมเจ้าอาชวดิศ ผู้จัดการของธนาคาร พึงเห็นได้ว่าผู้มอบอำนาจกล่าวคือตัวการที่แท้จริงในคดีนี้คือธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัดหาใช่หม่อมเจ้าอาชวดิศไม่ ดังนั้น แม้หม่อมเจ้าอาชวดิศ จะถึงแก่ชีพิตักษัยต่อมา กรณีไม่ใช่ลักษณะสัญญาตัวแทนย่อมระงับสิ้นไป เมื่อคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายที่จำเลยจะพึงหยิบยกขึ้นอ้างว่านายบัญญัติไม่มีอำนาจร้องทุกข์เพราะหม่อมเจ้าอาชวดิศผู้มอบอำนาจถึงแก่ชีพิตักษัยแล้ว
พิพากษายืน