แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่าตกลงและเปลี่ยนที่ดินกันและว่าให้แต่ละฝ่ายถือเอาที่ดินแลกเปลี่ยนกันได้และจะได้ไปจดทะเบียนกันภายหลังดังนี้ย่อมเป็นเรื่องจะแลกเปลี่ยนที่ดินกัน หาใช่เป็นการแลกเปลี่ยนกันเด็ดขาดแล้วไม่
สัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินจะทำเป็นหนังสือก็ได้ หรือวางประจำก็ได้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ได้
การที่เข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินอันเขามอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนแล้วย่อมถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้บางส่วนแก่กันแล้ว ซึ่งศาลชั้นต้นจำต้องสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแล้วพิพากษาต่อไป.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิที่ดินตามสัญญาที่ตกลงแลกที่ดินมีโฉนดกัน
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัโจทก์และตัดฟ้องว่าการแลกเปลี่ยนมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือไม่สมบูรณ์ กับยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นตาม ม.๒๔ ป.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ตามฟ้องโจทก์จะได้บรรยายว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันมิได้กล่าวว่าเป็นสัญญาจะแลกเปลี่ยนกันดังที่จำเลยกล่าวในฎีกาก็จริง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายไว้เหมือนกันว่าให้แต่ละฝ่ายยึดถือเอาที่ดินแลกเปลี่ยนกันได้ แล้วจะได้ไปจดทะเบียนกันภายหลังอันเป็นเรื่องจะแลกเปลี่ยนกันหาใช่เป็นการแลกเปลี่ยนกันเด็ดขาดแล้วไม่ สัญญาเช่นนี้จะทำเป็นหนังสือก็ได้ หรือวางประจำก็ได้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ได้ การที่โจทก์เข้าไปปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่พิพาทนั้นหากเป็นจริงว่าเนื่องมาจากการที่จำเลยมอบที่ดินให้โจทก์เพื่อการแลกเปลี่ยนแล้วก็อาจถือได้ว่าได้มีการชำระหนี้บางส่วนแก่กันแล้ว ฉนั้นจึงจำต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าได้มีการตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ และการที่โจทก์เข้าปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ของจำเลยนั้นเนื่องมาจากการแลกเปลี่ยนกันหรือโดยจำเลยให้อาศัย
จึงพิพากษายืน.