แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยจัดให้มีสวัสดิการพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการทำงานถือได้ว่าเป็นสภาพการจ้างตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 5 แม้จำเลยกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียวและไม่ได้ทำเป็นหนังสือก็มีผลใช้บังคับ เพราะกรณีดังกล่าว พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มิได้บังคับให้ต้องทำข้อตกลงเป็นหนังสือ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสภาพการจ้างนี้
จำเลยย้ายพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวไปประจำแท่นผลิตแล้วจัดเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับบัญชา 7 คน ที่ได้รับการฝึกอบรมด้านการพยาบาลเบื้องต้นมาทำหน้าที่แทน และจัดให้มีเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เพื่อติดต่อด้านการรักษากับแพทย์และพยาบาลตลอดเวลา ซึ่งแพทย์และพยาบาลสามารถเดินทางมาถึงเรือในกรณีฉุกเฉินได้ภายใน 15 ถึง 20 นาที ดังนี้แม้จะไม่มีพยาบาลอยู่ประจำบนเรือเช่นเดิม แต่ก็มิได้ทำให้ลูกจ้างได้รับสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลน้อยลงกว่าเดิม จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่จำเลยมีอำนาจกระทำได้ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจัดพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มีสภาพการจ้างด้านสวัสดิการการรักษาพยาบาลดังเดิม
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจัดพยาบาลประจำบนเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณตลอด 24 ชั่วโมง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ประการแรกว่า จำเลยจัดให้มีพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณเป็นการกำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานแต่เพียงฝ่ายเดียว จำเลยมิได้ตกลงกับโจทก์ และไม่ได้ทำเป็นหนังสือ การจัดให้มีพยาบาลประจำเรือดังกล่าวจึงมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 10 วรรคสอง นั้น เห็นว่า การที่จำเลยจัดให้มีสวัสดิการดังกล่าวเป็นสภาพการจ้างตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ซึ่งไม่ได้บังคับให้ต้องทำข้อตกลงเป็นหนังสือ ดังนั้น เมื่อจำเลยได้จัดให้มีพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณ อันเป็นการกำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน แม้จำเลยกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียวและไม่ได้ทำเป็นหนังสือก็ตาม ย่อมถือได้ว่าเป็นสภาพการจ้างโดยปริยายแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสภาพการจ้างนี้
จำเลยอุทธรณ์ประการที่สองว่า การที่จำเลยปรับเปลี่ยนการรักษาพยาบาลบนเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณเป็นเพียงการปรับปรุงวิธีการรักษาพยาบาลพนักงานบนเรือดังกล่าว โดยพนักงานทุกคนบนเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณยังคงได้รับการรักษาพยาบาลเท่าเดิม จึงมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง จำเลยมีสิทธิกระทำได้ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย ข้อ 5.2 นั้น เห็นว่า การที่จำเลยจัดสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลบนเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณอันเป็นสภาพการจ้างเดิมที่มีพยาบาลประจำเรือจำนวน 2 คน ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อมาจำเลยได้ย้ายพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณไปประจำที่แท่นผลิตเอราวัณ แล้วฝึกเจ้าหน้าที่ประจำเรือซึ่งสามารถปฐมพยาบาลขั้นต้นจำนวน 11 คน สับเปลี่ยนกันทำหน้าที่แทน พร้อมทั้งมีแพทย์และพยาบาลซึ่งประจำอยู่ที่แท่นผลิตเอราวัณไปรักษาพยาบาลเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้งนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างแล้ว แต่จำเลยมีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้อ 5.2 เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการบริหารกิจการของจำเลยและข้อ 29 เกี่ยวกับสวัสดิการและผลประโยชน์อื่น ซึ่งการจัดพยาบาลประจำเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณเป็นสวัสดิการที่จำเลยจัดให้แก่พนักงานนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้ จำเลยจึงอาศัยระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานดังกล่าวเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงสวัสดิการที่ได้ให้แก่พนักงานนั้นได้โดยต้องไม่ให้น้อยไปกว่าเดิม ดังนั้น การที่จำเลยจัดเจ้าหน้าที่ประจำระดับผู้บังคับบัญชา 7 คน ซึ่งได้รับการฝึกอบรมด้านพยาบาลเบื้องต้นและจัดให้มีเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เพื่อติดต่อสื่อสารด้านการรักษาพยาบาลกับแพทย์และพยาบาลตลอดเวลา แม้จะไม่มีพยาบาลอยู่ประจำบนเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณเช่นเดิมก็ตาม แต่วิธีการใหม่นี้ก็มิได้ทำให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นยิ่งหย่อนไปกว่าเดิมเลย หากมีความจำเป็นแพทย์หรือพยาบาลจะเดินทางไปรักษาด้วยตนเองอีกด้วย นอกจากนี้จำเลยได้จัดให้มีเรือและเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์สำหรับใช้เดินทางไปยังเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณ ถ้าเดินทางด้วยเรือใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถ้าเดินทางโดยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ทั้งปรากฏว่าหลังจากเรือกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวเอราวัณได้รับการซ่อมแซมแล้วทำให้พนักงานบนเรือทำงานปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมด้วยจึงเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสวัสดิการในการรักษาพยาบาลที่จำเลยจัดให้ใหม่นี้มิได้ทำให้ลูกจ้างจำเลยได้รับสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลน้อยลงกว่าเดิม จำเลยจึงมีอำนาจในการบริหารกิจการและการจัดสวัสดิการของจำเลยตามระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน ข้อ 5.2 และข้อ 29 คำพิพากษาศาลแรงงานกลางไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.