แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ฟ้องจะกล่าวว่าจำเลยสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันก็ดีแต่ก็ได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ได้ใช้มีดพับทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 ที่ 3 ถึงบาดเจ็บทุพพลภาพ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 ได้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่หนึ่งฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 2 ที่ 3 อีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายกันในท้องถนนหลวง โดยจำเลยที่ 3 ใช้ไม้คานตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 1 ใช้มีดฟันจำเลยที่ 2, 3 บาดเจ็บถึงทุพพลภาพหลายแห่ง จำเลยที่ 2 ใช้ไม้คานที่แย่งจากจำเลยที่ 3 ตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254, 335 ข้อ 6 ข้อ 14 จำเลยที่ 1 รับสารภาพ จำเลยที่ 2, 3 ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 254 จำคุก 3 เดือน เพิ่มโทษตามมาตรา 72 อีก 1 ใน 3 ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 2-3 และยกข้อหาตามมาตรา 335(6)(14) ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ฟ้องจะกล่าวว่า สมัครใจวิวาททำร้ายกันก็ดี แต่ได้บรรยายไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ใช้มีดฟันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2-3 ถึงบาดเจ็บทุพพลภาพ เมื่อจำเลยรับสารภาพศาลก็ย่อมลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บตามมาตรา 254 ได้เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษฐานนี้อยู่แล้วและไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
พิพากษายืน