แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดของจำเลยในครั้งก่อนเป็นความผิดฐานลักทรัพย์อันเป็นความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตามมาตรา 73 ข้อ 12 ส่วนความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตามมาตรา 73 ข้อ 10 เป็นความผิดคนละประเภทและคนละข้อ ศาลจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 73 ไม่ได้ จะต้องเพิ่มตามมาตรา 72.
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙,๗๓ จำเลยแก้ว่าได้กระทำโดยป้องกัน รับว่าเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษมายังไม่ถึง ๓ ปี ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๑๖ ปีตามมาตรา ๒๔๙ เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๓ กึ่งหนึ่ง ลดฐานรับสารภาพตามมาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มลดเสมอกัน ให้หักกลบลบกันตามมาตรา ๓๙ คงจำคุก ๑๖ ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๕๑ คงจำคุก ๙ ปี เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒ หนึ่งในสาม ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๖ ปี
โจทก์,จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา แต่ที่โจทก์ขอเพิ่มโทษตามมาตรา ๗๓ นั้นความผิดของจำเลยในครั้งก่อนเป็นความผิดฐานลักทรัพย์อันเป็นความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตามมาตรา ๗๓ ข้อ ๑๒ ส่วนความผิดในครั้งนี้เป็นความผิดฐานประทุษร้ายต่อร่างกายตามมาตรา ๗๓ ข้อ ๑๐ เป็นความผิดคนละประเภท และคนละข้อ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน