แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีก่อนจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินเนื้อที่ 25 ตารางวา ซึ่งมีบ้านเลขที่ 98/1 ปลูกอยู่ อันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาทในคดีนี้ โจทก์ให้การต่อสู้อ้างสิทธิครอบครอง และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเนื้อที่ 25 ตารางวา ดังกล่าว คดีถึงที่สุดแล้ว คดีนี้โจทก์จึงฟ้องจำเลยเพื่อขอแสดงสิทธิครอบครองในที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทในคดีก่อนด้วย ดังนี้ ในคดีก่อนย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่นอกเหนือจากเนื้อที่ 25 ตารางวา ที่ศาลจะพึงวินิจฉัย ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทนอกเหนือจากเนื้อที่ 25 ตารางวา ที่พิพาทกันในคดีก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนตามที่จำเลยฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) สารบบเล่มที่ ๕๕๖/๔๑๕ หมู่ที่ ๔ ตำบลปากนคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้านทิศตะวันออก เนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน เป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยมีคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินดังกล่าว ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๑๘๕/๒๕๓๗ ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา ที่บ้านเลขที่ ๙๘/๑ ตั้งอยู่เท่านั้น และคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยได้แบ่งแยกที่ดินให้แก่โจทก์ตามจำนวนเนื้อที่ที่โจทก์ชนะคดี ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๑๘๕/๒๕๓๗ เพราะคู่ความเป็นรายเดียวกันและคดีมีประเด็นอย่างเดียวกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) สารบบเล่มที่ ๕๕๖/๔๑๕ หมู่ที่ ๔ ตำบลปากนคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๒,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับที่ดินพิพาทที่นอกเหนือจากเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๑๘๕/๒๕๓๗ ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า ในคดีดังกล่าวจำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา ซึ่งมีบ้านเลขที่ ๙๘/๑ ปลูกอยู่ อันเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาทในคดีนี้ โจทก์ให้การต่อสู้อ้างสิทธิครอบครอง และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา ดังกล่าว คดีถึงที่สุดแล้ว คดีนี้โจทก์จึงฟ้องจำเลยเพื่อขอแสดงสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทในคดีก่อนด้วย ดังนี้ ในคดีก่อนย่อมไม่มีประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่นอกเหนือจากเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา ที่ศาลจะพึงวินิจฉัย ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทนอกเหนือจากเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา ที่พิพาทกันในคดีก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนตามที่จำเลยฎีกา สำหรับที่ดินพิพาทในส่วนเนื้อที่ ๒๕ ตารางวา ที่พิพาทกันในคดีก่อน เมื่อต้องถือว่าที่ดินพิพาทในชั้นฎีกามีเฉพาะส่วนที่นอกเหนือจากที่ดินพิพาทในส่วนนี้ดังได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ในส่วนนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อนนั้น ศาลฎีกาคงเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๒,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.