แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๐๘ เวลากลางวัน จำเลยโดยเจตนาทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงแกล้งปกปิดความจริง และเอาความเท็จมากล่าวแก่โจทก์ว่าจำเลยขอซื้อปอแก้วฟอกของโจทก์ ๓,๓๑๐ กิโลกรัม ราคา ๘,๗๗๑ บาท เพื่อนำไปขาย จำเลยจะนำเงินค่าปอมาชำระภายในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๐๘ ได้ทำหนังสือสัญญากันไว้ตามสำเนาท้ายฟ้อง ความจริงจำเลยตั้งใจจะนำเงินขายปอไปชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยจะนำเงินค่าปอมาชำระให้ตามที่จำเลยกล่าว จึงมอบปอแก้วฟอกให้จำเลยไป เมื่อจำเลยขายได้เงินในวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๐๘ แล้ว จำเลยกลับเอาไปชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์เสีย ไม่นมาชำระให้โจทก์ โจทก์ทวงถาม จำเลยใช้อุบายหลอกลวงต่างๆ ไม่ยอมชำระให้ จำเลยไม่มีทรัพย์อื่นพอที่จะใช้ค่าปอให้โจทก์ได้ ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงโจทก์มาแต่แรก โจทก์เสียหาย เหตุเกิดที่ตำบลยางหวาย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วเห็นว่า ข้อหาของโจทก์เป็นการผิดสัญญาในทางแพ่ง จึงให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำบรรยายนี้เป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงซื้อขายปอกัน โดยจำเลยซื้อปอไปจากโจทก์แล้วไม่นำเงินค่าปอมาชำระในวันที่ได้ตกลงไว้ เป็นการผิดนัดผิดสัญญากันในทางแพ่ง มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยมิชอบ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงโจทก์
จึงพิพากษายืน