คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7927/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบผู้คัดค้านมีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพเท่านั้น ขณะทำงานก็ได้รับค่าจ้างเป็นรายวันวันละ 157 บาทเมื่อลาออกจากงานแล้วก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าบริษัทเลิกกิจการและได้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ผู้คัดค้าน หลังออกจากงานแล้วผู้คัดค้านประกอบอาชีพค้าขายไส้กรอกและแหนมย่างมีรายได้พอใช้จ่ายประจำวันโดยมีกำไรวันละประมาณ 500 บาท กับมีรายได้พิเศษจากการไปช่วยขายของให้พี่สาวอีกเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านแล้วพบว่ามีการนำเงินสดเข้าฝากถอนในบัญชีรวม11 ครั้ง และในการฝากแต่ละครั้งเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับวันที่ผู้คัดค้านกับ ส. ถูกจับกุมในข้อหาฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กรณีจึงเป็นที่เห็นชัดเจนว่าบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านมีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ผิดปกติและมีจำนวนเงินสูงกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพโดยสุจริตของผู้คัดค้าน เป็นทรัพย์สินที่มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต ดังนั้น จึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พึงริบเสียได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้จับกุมนางวันเพ็ญ พูลสวัสดิ์ กับผู้คัดค้านที่ 1และนายสุภาพ น้ำแก้ว พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 6,520 เม็ด น้ำหนัก 594 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 126.4 กรัม กับธนบัตรรวมเป็นเงิน 51,500 บาทที่ตรวจค้นพบในห้องพักของผู้คัดค้านที่ 2 เป็นของกลาง ต่อมาผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องนางวันเพ็ญกับผู้คัดค้านที่ 1 และนายสุภาพเป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้นในข้อหาฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเฉพาะนายสุภาพยังฟ้องในข้อหาฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและฐานเสพเฮโรอีนอีกด้วย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 10377/2542 และเนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 กับนายสุภาพเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงมีการตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลทั้งสองดังกล่าว ต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีคำวินิจฉัยว่าทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 คือเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) สาขาบางเขน เลขที่บัญชี 025-2-41503-3 ชื่อบัญชีนางกัญญารัตน์ น้ำแก้ว และเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาประชานิเวศน์เลขที่บัญชี 097-1-05494-0 ชื่อบัญชีนางกัญญารัตน์ น้ำแก้ว กับทรัพย์สินของนายสุภาพ คือธนบัตรรวมเป็นเงิน 51,500 บาท ของกลางเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของบุคคลทั้งสองดังกล่าว จึงมีคำสั่งให้อายัดและยึดทรัพย์สินดังกล่าวและให้ผู้ร้องยื่นคำร้องเป็นคดีนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534มาตรา 3, 15, 22, 27, 29, 31

พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศคำร้องในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นติดต่อกันสองวันเพื่อให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ขอให้ศาลมีคำสั่งริบมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีก่อนคดีถึงที่สุดอีกทั้งยังได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้คัดค้านที่ 1 กับนายสุภาพทราบประกาศดังกล่าวโดยทางไปรษณีย์ตอบรับด้วย

ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า เงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั้งสองบัญชีดังกล่าวเป็นเงินของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ได้มาโดยสุจริต ส่วนธนบัตรรวมเป็นเงิน 51,500 บาท ของกลางเป็นเงินของผู้คัดค้านที่ 2 ทรัพย์สินดังกล่าวจึงมิใช่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ศาลจะมีคำสั่งให้ริบ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) สาขาบางเขน เลขที่บัญชี 025-2-41503-3ชื่อบัญชีนางกัญญารัตน์ น้ำแก้ว และเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาประชานิเวศน์ เลขที่บัญชี097-1-05494-0 ชื่อบัญชีนางกัญญารัตน์ น้ำแก้ว ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด คำขออื่นให้ยก

ผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 ว่า เงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารศรีนครจำกัด (มหาชน) สาขาบางเขน และเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาประชานิเวศน์ ของผู้คัดค้านที่ 1เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ซึ่งในข้อนี้ผู้คัดค้านที่ 1 ฎีกาอ้างว่า จำนวนเงินในบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีของตนมีไม่มาก ผู้คัดค้านที่ 1 มีความสามารถที่จะมีเงินสะสมจำนวนดังกล่าวได้ ไม่ถือว่าเกินกว่าฐานะของผู้คัดค้านที่ 1 โดยเงินบางส่วนได้มาจากบริษัทโรงงานอุตสาหกรรมผ้าห่มไทย จำกัดจ่ายให้ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นค่าชดเชยในฐานะลูกจ้างเนื่องจากบริษัทดังกล่าวเลิกกิจการ เงินอีกบางส่วนเป็นเงินสะสมตลอดระยะเวลาในการทำงานหลายสิบปี และเงินอีกบางส่วนเป็นของนางวันเพ็ญพี่สาวผู้คัดค้านที่ 1นำมาฝากไว้เพื่อออกเงินกู้ เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามทางนำสืบของผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้ที่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพเท่านั้นขณะทำงานอยู่ที่บริษัทโรงงานอุตสาหกรรมผ้าห่มไทย จำกัด ก็ได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 157 บาท และได้ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 26กุมภาพันธ์ 2540 แต่ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย ล.8 ไม่มีข้อความระบุไว้ชัดแจ้งว่า บริษัทเลิกกิจการและได้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ทั้งพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนคำกล่าวอ้างของผู้คัดค้านที่ 1 ว่าผู้คัดค้านที่ 1 ได้รับเงินค่าชดเชยมาเมื่อใด เป็นจำนวนเงินเท่าใดก็ไม่ปรากฏข้อกล่าวอ้างของผู้คัดค้านที่ 1 จึงเป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยและข้อเท็จจริงตามทางพิจารณายังได้ความต่อไปอีกว่า หลังจากผู้คัดค้านที่ 1 ลาออกจากงานที่บริษัทดังกล่าวแล้ว ผู้คัดค้านที่ 1 ประกอบอาชีพค้าขายไส้กรอกกับแหนมย่างมีรายได้พอใช้จ่ายประจำวันโดยมีกำไรวันละประมาณ 500 บาท กับมีรายได้พิเศษจากการไปช่วยขายของให้พี่สาวอีกเล็กน้อยเท่านั้น จากข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวเมื่อนำไปพิจารณาเปรียบเทียบกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน)สาขาบางเขน ซึ่งปรากฏว่ามีการนำเงินสดเข้าฝากหลังจากเปิดบัญชีแล้วเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2540 อีกจำนวน 20,000 บาท และวันที่ 11มิถุนายน 2540 อีกจำนวน 20,000 บาท เช่นกัน แต่เงินฝากดังกล่าวก็ถูกถอนออกไปหมดแล้วและเริ่มนำเข้าฝากใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม2541 ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2542 ซึ่งเป็นวันที่ใกล้เคียงกับวันที่ผู้คัดค้านที่ 1กับนายสุภาพถูกจับกุมในข้อหาความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเองผู้คัดค้านที่ 1ได้นำเงินสดเข้าฝากในบัญชีรวม 11 ครั้ง และในแต่ละครั้งเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาททีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนธันวาคม 2541 มีเงินฝากเข้าบัญชีรวม 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 64,100 บาท ในเดือนมีนาคม 2542ก็มีเงินฝากเข้าบัญชีอีก 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 85,000 บาท และในเดือนมิถุนายน 2542 มีเงินฝากเข้าบัญชีรวม 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 80,000 บาทนอกจากนี้แล้วยังปรากฏว่ามีเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาประชานิเวศน์ ของผู้คัดค้านที่ 1 เมื่อวันที่ 15มิถุนายน 2542 จำนวนเงิน 20,000 บาท กรณีจึงเป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่าบัญชีเงินฝากดังกล่าวของผู้คัดค้านที่ 1 มีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ผิดปกติและมีจำนวนเงินสูงเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพโดยสุจริตของผู้คัดค้านที่ 1 ที่จะพึงมีได้ ส่วนข้อกล่าวอ้างของผู้คัดค้านที่ 1 ถึงการได้มาของเงินดังกล่าวนั้นก็ล้วนแต่เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนให้น่าเชื่อถือฉะนั้น จึงเห็นว่าเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั้งสองบัญชีดังกล่าวของผู้คัดค้านที่ 1 เป็นทรัพย์สินที่มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริตเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่พึงริบเสียได้ที่ศาลล่างทั้งสองให้ริบเงินฝากดังกล่าวแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share