แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย พ.ศ.2481 มาตรา 24 บัญญัติว่า “ศาลสยามจะไม่พิพากษาให้หย่ากัน เว้นแต่กฎหมายสัญชาติแห่งสามีภริยาทั้งสองฝ่ายยอมให้กระทำได้ เหตุหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า” เมื่อได้ความว่า กฎหมายสัญชาติของโจทก์และจำเลยอนุญาตให้คู่สมรสหย่าขาดจากกันได้ ศาลไทยจึงมีอำนาจพิจารณาเหตุหย่าตามคำฟ้องของโจทก์ต่อไปว่าเป็นเหตุตามกฎหมายแห่งท้องถิ่นที่ยื่นฟ้อง คือ เหตุหย่าที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือไม่
ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่จำเลยนั้น เมื่อศาลมิได้มีคำพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูกันจะหมดไปเมื่อการสมรสสิ้นสุดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1461 วรรคสอง และมาตรา 1501 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยจนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้โจทก์จ่ายเงินเพื่อการศึกษาและการครองชีพของบุตรผู้เยาว์เป็นรายปี ปีละ 1,500,000 บาท จนกว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยเป็นรายปี ปีละ 3,000,000 บาท จนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยในอัตรา 110,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องแย้ง (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2553) เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่หรือจนกว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลง และให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ให้แก่จำเลยในอัตรา 100,000 บาท ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ คำขออื่นตามฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์เป็นคนมีสัญชาติไอร์แลนด์เหนือ จำเลยเป็นคนมีสัญชาติสก๊อตแลนด์ โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย โดยจดทะเบียนสมรสกันที่โบสถ์เซนต์แมรี่แอนด์ ออล เซนต์ส ปีคอนสฟิลด์ บัคกิ้งแฮม สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2530 โจทก์กับจำเลยมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือ นางสาววิคตอเรีย อายุ 23 ปี นางสาวสเตฟานี่ อายุ 21 ปี และนายวิลเลี่ยม อายุ 17 ปี โจทก์จำเลยเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงขณะฟ้องคดีนี้ ตามกฎหมายของประเทศไอร์แลนด์เหนือและประเทศสก๊อตแลนด์ อนุญาตให้คู่สมรสหย่าขาดกันได้ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2553 ขณะที่โจทก์อยู่ในประเทศไทย ส่วนจำเลยอยู่ที่สหราชอาณาจักร โจทก์กับจำเลยได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์เคลื่อนที่โต้ตอบกัน มีข้อความว่า “You cold hearted bastard. Just like your father” แปลเป็นภาษาไทยว่า “คนไร้น้ำใจ คนสารเลว เหมือนพ่อแก …”
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยส่งข้อความถึงโจทก์โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์และบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (3) หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย พุทธศักราช 2481 มาตรา 24 บัญญัติว่า “ศาลสยามจะไม่พิพากษาให้หย่ากัน เว้นแต่กฎหมายสัญชาติแห่งสามีภริยาทั้งสองฝ่ายยอมให้กระทำได้ เหตุหย่าให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งถิ่นที่ยื่นฟ้องหย่า” ดังนั้น เมื่อได้ความว่า กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์เหนือและประเทศสก๊อตแลนด์อันเป็นกฎหมายสัญชาติของโจทก์และจำเลยอนุญาตให้คู่สมรสหย่าขาดจากกันได้ ศาลไทยจึงมีอำนาจพิจารณาเหตุหย่าตามคำฟ้องของโจทก์ว่าเป็นเหตุตามกฎหมายแห่งท้องถิ่นที่ยื่นฟ้อง คือ เหตุหย่าที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ หากเข้าหลักเกณฑ์ศาลไทยมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่ากันได้
สำหรับค่าอุปการะเลี้ยงดูที่โจทก์ต้องจ่ายให้แก่จำเลยนั้น เมื่อศาลมิได้มีคำพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน สิทธิหน้าที่ของโจทก์จำเลยที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูกันจะหมดไปเมื่อการสมรสสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 วรรคสอง และมาตรา 1501 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยจนกว่าจำเลยจะสมรสใหม่ด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่จำเลยจนกว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยสิ้นสุดลง ค่าฤชาธรรมเนียมส่วนฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นและค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์