แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อกรณีเข้าข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 29วรรคสอง ว่าเงินสดและเงินฝากในธนาคารเป็นทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านมีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงให้ศาลเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าว ผู้คัดค้านมีอยู่หรือได้มาจากการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริตเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยทั้งสามพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1จำนวน 4,930 เม็ด และทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการเป็นของกลางต่อมาโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 พบทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 รวม 3 รายการคือ เงินสดจำนวน 324,270บาท เงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) สาขาคลองตัน ชื่อบัญชีจำเลยที่ 1 มียอดเงิน ณ วันที่ 25มีนาคม 2540 จำนวนเงิน 1,716,866.04 บาท และเงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาคลองตันชื่อบัญชีจำเลยที่ 2 มียอดเงิน ณ วันที่ 25 มีนาคม 2540 จำนวนเงิน221,943.81 บาท จึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินพิจารณาหลักฐานและความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าว โจทก์จึงมายื่นคำร้องเป็นคดีนี้ ขอให้มีคำสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534มาตรา 29, 31
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปิดประกาศและมีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยที่ 1และที่ 2
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มิได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทรัพย์สินดังกล่าวจึงมิใช่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ขอให้ถอนการยึดทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบเงินสดจำนวน 324,270 บาท เงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาคลองตัน เลขที่บัญชี 135-4-01124-7 ชื่อบัญชีนายสมศักดิ์ด้วงธรรม ยอดเงินคงเหลือ 1,716,866.04 บาท พร้อมดอกเบี้ยเงินฝากในบัญชีดังกล่าวและเงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาคลองตัน เลขที่บัญชี 135-4-05700-0ชื่อบัญชีนางสร้อย จันทนูเดช ยอดเงินคงเหลือ 221,943.81 บาทพร้อมดอกเบี้ยเงินฝากในบัญชีดังกล่าว ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ผู้คัดค้านทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2540 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 กับนายโกญจนาจ ภีประเสริฐหรือภีประเสริฐ์ พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4,930 เม็ดและทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการเป็นของกลาง ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 กับนายโกญจนาจเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ขณะเดียวกันเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้โทษได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 พบว่า ทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 รวม 3 รายการคือ เงินสดจำนวน324,270 บาท เงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) สาขาคลองตัน เลขที่ 135-4-01124-7 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 มียอดเงิน ณ วันที่ 25 มีนาคม 2540 จำนวน1,716,866.04 บาท และเงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาคลองตัน เลขที่บัญชี135-4-05700-0 ชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 มียอดเงิน ณ วันที่ 25มีนาคม 2540 จำนวน 221,943.81 บาท เป็นทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินได้พิจารณารายงานการตรวจสอบทรัพย์สินดังกล่าวแล้วเชื่อว่า ทรัพย์สินทั้ง 3 รายการ เป็นทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2ได้มาหรือมีอยู่เกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงมีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินทั้ง 3 รายการ โดยให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าวสำหรับการดำเนินคดีแก่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ในความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติยาเสพติดดังกล่าว ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน รวมจำคุกคนละ 35 ปี มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสามว่า ทรัพย์สินที่คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดไว้ทั้ง 3 รายการ ดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่
เห็นว่า เมื่อผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ถูกจับกุมและฟ้องร้องจนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่าย กรณีจึงเข้าข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 29 วรรคสองว่า เงินสดจำนวน324,270 บาท เงินฝากจำนวน 1,716,866.04 บาท ในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาคลองตันชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 1 และเงินฝากจำนวน 221,943.81 บาท ในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาคลองตันชื่อบัญชีผู้คัดค้านที่ 2 เป็นทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านทั้งสามที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงให้ศาลเห็นว่า ทรัพย์สินทั้ง3 รายการ ดังกล่าว ผู้คัดค้านทั้งสามมีอยู่หรือได้มาจากการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต เป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้คัดค้านทั้งสามนำสืบว่าทรัพย์สินรายการที่ 1 เงินสด 324,270 บาท นั้น เงินจำนวน200,000 บาท เป็นเงินที่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ยืมมาจากผู้คัดค้านที่ 3 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้ออาหารให้เป็ดและไก่ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่ลูกค้านำมาชำระค่าซื้อเป็ดและไก่ ทรัพย์สินรายการที่ 2 เงินฝากในบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของจำเลยที่ 1จำนวน 1,716,866.04 บาท เป็นเงินที่ผู้คัดค้านที่ 1 ขอยืมมาจากผู้คัดค้านที่ 3 จำนวน 1,000,000 บาท โดยผู้คัดค้านที่ 3 โอนเงินมาให้ผู้คัดค้านที่ 1 หลายครั้ง ทางบัญชีของธนาคารและทางไปรษณีย์เพื่อสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนซื้ออาหารให้เป็ดและไก่และส่วนหนึ่งนำไปซื้อบ้าน 2 หลัง โดยมีผู้คัดค้านทั้งสามมาเบิกความเป็นพยานประกอบหลักฐานการโอนเงินเอกสารหมาย ค.8 หรือ ล.8 เห็นว่า นอกจากจำนวนเงินตามหลักฐานการโอนเงินเอกสารหมาย ค.8 หรือล.8 ซึ่งมีทั้งหมด 6 รายการ จำนวน 400,000 บาท 100,000 บาท50,000 บาท 50,000 บาท 400,000 บาท และ 500,000 บาทจะไม่ปรากฏอยู่ในรายการบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของผู้คัดค้านที่ 1ในเอกสารหมาย ร.2 ซึ่งเป็นทรัพย์สินรายการที่ 2 ซึ่งถือเป็นพิรุธดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้ว ยังมีข้อที่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่าผู้คัดค้านที่ 3 มีฐานะการเงินมั่นคงเพียงใด จึงสามารถให้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 กู้ยืมโดยไม่ต้องทำหลักฐานหรือมีหลักประกันผู้คัดค้านที่ 3 เบิกความแต่เพียงว่า เงินที่นำมาให้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ยืม เป็นเงินที่ผู้คัดค้านที่ 3 ได้มาจากการประกอบอาชีพทำแหนมขายที่จังหวัดลำปาง ซึ่งมีรายได้เดือนละประมาณ 10,000 บาทและเป็นเงินที่บุตรสาวของผู้คัดค้านที่ 3 ส่งมาให้จากการไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยไม่ปรากฏหลักฐานให้เห็นว่าบ้านที่อยู่อาศัยหรือที่ทำการค้าของผู้คัดค้านที่ 3 นั้นมีลักษณะอย่างไรมีลูกจ้างมาช่วยทำงานหรือไม่ ไม่มีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานทางการเงินว่าผู้คัดค้านที่ 3มีฐานะทางการเงินอย่างไร มีความสามารถที่จะให้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 กู้ยืมไปตามที่นำสืบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 เอกสารหมาย ปจ.4 ว่า ผู้คัดค้านที่ 3มีบุตรทั้งหมดรวม 4 คน และจำเลยที่ 3 เป็นบุตรคนที่สองของผู้คัดค้านที่ 3 แต่ต้องมาทำงานเป็นลูกจ้างของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2และร่วมกับผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 จำหน่ายยาเสพติด ในขณะที่บุตรคนอื่นอีก 3 คน ของผู้คัดค้านที่ 3 ก็ทำงานรับจ้างบุคคลอื่นเช่นเดียวกัน แม้บุตรคนที่สามซึ่งเป็นผู้หญิงจะไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ดังที่ผู้คัดค้านที่ 3 เบิกความ แต่ก็ไม่ปรากฏรายละเอียดว่าไปทำงานอะไร มีรายได้มากน้อยเพียงใด ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีศักดิ์เป็นเพียงหลานเขยและหลานของผู้คัดค้านที่ 3ไม่ปรากฏว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากน้อยเพียงใด จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้คัดค้านที่ 3 จะมีเงินมาให้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ยืนตามที่ผู้คัดค้านทั้งสามนำสืบ ในขณะที่บุตรของผู้คัดค้านที่ 3 คงต้องทำงานรับจ้างคนอื่นอยู่ พยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งสามยังไม่พอให้รับฟังได้ว่าเงินสดจำนวน 200,000 บาท และเงินในบัญชีของผู้คัดค้านที่ 1จำนวน 1,000,000 บาท เป็นเงินของผู้คัดค้านที่ 3 ซึ่งให้ผู้คัดค้านที่ 1และที่ 2 ขอยืมมา ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 นำสืบว่าประกอบอาชีพเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ มีกำไรวันละประมาณ 20,000 บาท ทำบ่อปลาเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ จับปลาขายเดือนละ 2 ครั้ง มีรายได้จากการขายปลาครั้งละ 40,000 บาท ถึง 50,000 บาท และเปิดร้านให้เช่าวีดีโอ ชื่อร้านสิงห์โตวีดีโออยู่ที่แขวงคลองตัน เขตคลองเตยกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้คัดค้านทั้งสาม นายสัญญา จันทร์เถื่อนและนายพิชิต ด้วงธรรม มาเบิกความเป็นพยาน และอ้างส่งภาพถ่ายหมาย ล.1 ถึง ล.3 หรือ ค.4 หรือ ค.6 กับสมุดบัญชีซื้อขายเป็ดไก่รวม3 เล่ม เอกสารหมาย ค.1 ถึง ค.3 เห็นว่า ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2ไม่มีพยานมาเบิกความยืนยันว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการร้านให้เช่าวีดีโอเดือนละเท่าใด ส่วนรายได้จากการทำบ่อปลา ก็มีเพียงผู้คัดค้านที่ 1 มาเบิกความลอย ๆ เพียงปากเดียวโดยไม่มีหลักฐานอื่นใดสนับสนุน จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง สำหรับรายได้จากการซื้อขายเป็ดไก่ แม้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 จะแสดงบัญชีซื้อขายเป็ดไก่รวม3 เล่ม ซึ่งสมุดบัญชีแต่ละเล่มแต่ละหน้าจะระบุวันที่เดือนและปีส่วนด้านล่างตีเป็นช่องตามแนวตั้ง 4 ช่อง ลงแต่ตัวเลขเป็นส่วนใหญ่เมื่อพิจารณารายการในสมุดบัญชีดังกล่าวแต่ละวันแล้ว ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามีการซื้อขายเป็ดไก่ในแต่ละวันกันเป็นจำนวนเท่าใดและมีกำไรเท่าใดจากภาพถ่ายหมาย ล.1 หรือ ค.4 จะเห็นฟาร์มเลี้ยงเป็ดไก่ของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ก็มิได้ใหญ่โตเป็นเพิงขนานไปกับตัวบ้านมีความยาวพอ ๆ กับความยาวของบ้านจึงไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถเลี้ยงเป็ดและไก่ออกขายได้ทุกวัน โดยมีกำไรวันละประมาณ 20,000บาท ดังที่ผู้คัดค้านที่ 1 เบิกความ ทั้งเมื่อพิจารณาจากสมุดบัญชีซื้อขายเป็ดไก่ในวันที่ 12 มีนาคม 2540 อันเป็นวันที่เจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 กับนายโกญจนาจที่ฟาร์มเป็ดไก่ ปรากฏตามสมุดบัญชีเอกสารหมาย ค.2 ว่ายังมีการลงบัญชีตัวเลขเป็นปกติเช่นเดียวกับวันก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการลงบัญชีซื้อขายกันเป็นปกติในวันที่ 13 และวันต่อ ๆ มา โดยลักษณะของลายมือเป็นของคน ๆ เดียวกัน ซึ่งผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ก็มิได้นำสืบว่ารายการในสมุดบัญชีซื้อขายเป็ดไก่ดังกล่าว ลูกจ้างคนใดเป็นผู้ลงรายการบัญชี ซึ่งตามปกติแล้ว บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับการกิจการดังกล่าวควรจะต้องเป็นผู้ลงบัญชีเพราะต้องเป็นผู้ควบคุมเรื่องการเงิน แต่ตามสภาพของสมุดบัญชีก่อนและหลังวันเกิดเหตุคดีนี้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ไม่ใช่คนลงบัญชีซื้อขายในสมุดบัญชีดังกล่าวแน่นอน จึงนับเป็นพิรุธและเคลือบแคลงสงสัยว่าสมุดบัญชีเอกสารหมาย ค.1 ถึง ค.3 เป็นรายการบัญชีซื้อขายเป็ดไก่จากฟาร์มของผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 ดังที่ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 นำสืบจริงหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินรายการที่ 3 เป็นเงินฝากในบัญชีของผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 221,943.81 บาท นั้น ก็มีผู้คัดค้านที่ 2เบิกความลอย ๆ เพียงปากเดียวว่า เป็นเงินที่มารดาแบ่งให้จากเงินของบิดาซึ่งเสียชีวิต โดยไม่มีหลักฐานหรือรายละเอียดของข้อเท็จจริงดังกล่าวให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งสามจึงยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า ทรัพย์สินทั้ง 3 รายการผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 มีอยู่หรือได้มาจากการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าทรัพย์สินทั้ง3 รายการ เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน