คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลซึ่งมิได้กระทำต่อหน้าศาล และผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ศาลต้องไต่สวนพยานหลักฐานหาข้อเท็จจริงเสียก่อนให้ได้ความว่ามีการกระทำดังกล่าวหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นเพียงสอบถามปากคำของ ด. และผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่ปรากฏว่า ด. ได้สาบานตนหรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 112 ถ้อยคำของ ด. จึงรับฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ ปัญหาว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ถูกกล่าวหามิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากนายเด่นชัยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวนางรัชดาผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน โดยนำที่ดินโฉนดที่ดินเนื้อที่ ๕ ไร่ มาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อเป็นหลักประกัน พร้อมยื่นบัญชีทรัพย์ว่ามีราคาประเมิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท โดยอาศัยหนังสือรับรองราคาประเมินของสำนักงานที่ดินว่าที่ดินมีราคาประเมิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน ตีราคาค่าประกัน ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลชั้นต้นตามนัดแทนนายเด่นชัย ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาในฐานะผู้รับมอบฉันทะจากนายเด่นชัยได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยขอใช้หลักทรัพย์และสัญญาประกันเดิม ศาลชั้นต้นอนุญาต หลังจากนั้นจำเลยหลบหนี ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายเด่นชัยตามสัญญา เมื่อบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานว่าที่ดินมีราคาเพียง ๔๐,๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นมีหนังสือสอบถามไปยังเจ้าพนักงานที่ดินได้ความว่า สำนักงานที่ดินออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินให้แก่นายเด่นชัยว่ามีราคาประเมินไร่ละ ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อนำไปใช้ในเรื่องกู้เงินจากสถาบันการเงินในวันเดียวกันกับวันที่ออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินที่นำมายื่นประกอบคำร้องขอให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหารู้เห็นในการร้องขอให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน โดยแสดงราคาประเมินหลักประกันอันเป็นเท็จ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๓๑ (๑) (ที่ถูกมาตรา ๓๑ (๑) , ๓๓) ลงโทษจำคุก ๖ เดือน
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีเป็นการกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลโดยที่มิได้กระทำต่อหน้าศาล และผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ศาลจำต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริงก่อน การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่สอบถามปากคำนายเด่นชัยและผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่ปรากฏว่านายเด่นชัยได้สาบานตนหรือกล่าวคำปฏิญาณว่าจะให้การตามสัตย์จริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๑๒ ดังนี้ ถ้อยคำนายเด่นชัยจึงรับฟังเป็นความจริงยังไม่ได้ ปัญหาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ถูกกล่าวหามิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๖ และ ๒๔๗
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวน แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share