คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6491/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อข้าวบางส่วนคืนโดยอ้างว่าจำเลยส่งมอบข้าวน้อยกว่าจำนวนที่ตกลงกัน มิใช่ฟ้องในข้อรับผิดเพื่อการที่ทรัพย์ขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวน จึงนำอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 467 มาบังคับมิได้ การฟ้องเรียกเงินคืนมิได้มีอายุความกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อข้าวสารของจำเลย ได้ชำระราคาแล้วเมื่อโจทก์ไปรับข้าวสารปรากฏว่าข้าวสารขาดน้ำหนักและจำนวนรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 476,369.55 บาท หักค่าเช่าและค่าใช้จ่ายแล้วจำเลยต้องคืนเงินให้โจทก์เป็นเงิน 231,786.26 บาท และคืนเงินค่าประกันซองจำนวน 50,000 บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวน 281,786.26 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันส่งมอบข้าวสาร จำเลยไม่ต้องรับผิดเพราะการขายเป็นการขายตามสภาพที่เป็นอยู่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยไม่ต้องคืนเงินค้ำประกันซอง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน231,786.26 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาจำเลยที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าซื้อข้าวบางส่วนคืนโดยอ้างว่าจำเลยส่งมอบข้าวน้อยกว่าจำนวนที่ตกลงกัน มิใช่ฟ้องในข้อรับผิดเพื่อการที่ทรัพย์ขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวน ดังนั้น จึงนำอายุความตามมาตรา 467 มาปรับมิได้ การฟ้องเรียกเงินคืนมิได้มีอายุความกำหนดไว้ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ฟ้องโจทก์ที่เรียกคืนเงินค่าข้าวที่คลังสินค้า 9ไทยซูการ์ ยังไม่ขาดอายุความและว่าโจทก์มีสิทธินำเงินค่าข้าวที่ชำระเกินที่คลังสินค้าบางปะอินมาหักกลบลบหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย แล้วคงเหลือหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์จำนวน 231,786.26 บาท ตามฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share