แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อปูนสำเร็จรูปและน้ำยาผสมปูนไปจากโจทก์รวม13 ครั้ง เป็นเงิน 236,871.25 บาท โดยบรรยายรายละเอียดของการสั่งซื้อสินค้าแต่ละครั้งพร้อมจำนวนเงินค่าสินค้าตามเอกสารท้ายฟ้องและจำเลยได้รับสินค้าไปจากโจทก์แล้ว จำเลยไม่ชำระราคาค่าสินค้าภายในกำหนด ขอให้จำเลยชำระราคาค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ คำฟ้องของโจทก์จึงแสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยแจ้งชัดแล้ว แม้โจทก์จะแนบเอกสารใบกำกับภาษี อันเป็นหลักฐานแห่งมูลหนี้มาท้ายฟ้องก็เป็นเพียงเอกสารประกอบคำบรรยายฟ้อง โจทก์สามารถนำสืบถึงรายละเอียดของรายการตามเอกสารดังกล่าวได้ในชั้นพิจารณา ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดของเอกสารไว้ให้ปรากฏในคำฟ้อง คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 5 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2539 จำเลยซื้อสินค้าประเภทปูนสำเร็จรูปและน้ำยาผสมปูนไปจากโจทก์รวม 13 ครั้ง เป็นเงินจำนวน236,871.25 บาท จำเลยไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ระบุไว้ในใบกำกับภาษี (ใบส่งสินค้า) โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระราคาสินค้า พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดชำระราคาสินค้าแต่ละครั้ง คิดเพียงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 19,538 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 256,409.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 236,871 บาทนับแต่วันที่ถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่บรรยายถึงหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขายและไม่บรรยายถึงหลักฐานทางบัญชีเกี่ยวกับจำนวนหนี้สินคงค้างขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 236,871 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 236,871 บาท นับแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และจำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์หรือไม่ ในปัญหาแรกโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้าประเภทปูนสำเร็จรูปและน้ำยาผสมปูนไปจากโจทก์รวม 13 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 236,871.25 บาท โดยบรรยายรายละเอียดของการสั่งซื้อสินค้าแต่ละครั้งพร้อมจำนวนเงินค่าสินค้าตามเอกสารท้ายฟ้องและจำเลยได้รับสินค้าที่สั่งซื้อไปจากโจทก์แล้ว จำเลยไม่ชำระราคาค่าสินค้าภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ระบุไว้ในใบกำกับภาษี (ใบส่งสินค้า) แต่ละฉบับ โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระราคาค่าสินค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชำระราคาค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์พร้อมกับแนบเอกสารท้ายฟ้อง ใบกำกับภาษี (ใบส่งสินค้า) แต่ละฉบับมาด้วย คำฟ้องของโจทก์จึงแสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาโดยแจ้งชัดแล้วว่า โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระราคาค่าสินค้าที่จำเลยสั่งซื้อไปจากโจทก์ตามรายการที่ระบุไว้ในคำฟ้องซึ่งจำเลยสามารถอ่านและเข้าใจได้ชัดเจน แม้โจทก์จะแนบเอกสารใบกำกับภาษี (ใบส่งสินค้า) อันเป็นหลักฐานแห่งมูลหนี้มาท้ายฟ้องก็เป็นเพียงเอกสารประกอบคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่โจทก์สามารถนำสืบถึงรายละเอียดของรายการตามเอกสารดังกล่าวได้ในชั้นพิจารณาคดีของศาลไม่จำเป็นต้องระบุบรรยายรายละเอียดของเอกสารไว้ให้ปรากฏในคำฟ้องดังจำเลยอ้าง คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม”
พิพากษายืน