คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3616/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 และที่ 3 ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 โดยนัดส่งมอบและชำระเงินกันภายหลัง ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ริมถนน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะไปจอดใกล้ ๆ แล้วเลื่อนกระจกรถลงพร้อมกับยื่นห่อบรรจุเมทแอมเฟตามีนจำนวน 380 เม็ดให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเตรียมเงินมาพร้อมที่จะส่งมอบให้จำเลยที่ 1 เช่นกัน แต่จำเลยที่ 1 เห็นเจ้าพนักงานตำรวจที่กำลังจะเข้าจับกุม จึงขับรถหลบหนีโดยยังไม่ได้ส่งมอบและรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนและขว้างเมทแอมเฟตามีนทิ้ง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงมือกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะถูกจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้เสพติดเมทแอมเฟตามีน และได้ความว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่ ล. จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 12 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 8 ปี ริบของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และ ที่ 3
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 8 ปี จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 5 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองหรือไม่ และจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่ โดยเห็นสมควรวินิจฉัยรวมกันไป เกี่ยวกับปัญหานี้ได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอก ว. และจ่าสิบตำรวจ ท. พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสามว่า ก่อนจับกุมจำเลยทั้งสามร้อยตำรวจเอก ว. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนที่บริเวณที่เกิดเหตุ จึงมีการวางแผนจับกุม โดยในวันเกิดเหตุได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกมีจ่าสิบตำรวจ ท. เป็นหัวหน้าชุดร่วมกับพวกอีก 3 คน ไปแอบซุ่มอยู่ที่บริเวณข้างโรงปูนซีเมนต์ ชุดที่สองมีร้อยตำรวจเอก ว. เป็นหัวหน้าชุดร่วมกับพวกอีก 3 ถึง 5 คน ใช้รถยนต์กระบะขับไปมาบริเวณที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าในระหว่างนั้นจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดบริเวณที่เกิดเหตุห่างจากจุดที่จ่าสิบตำรวจ ท. กับพวกแอบซุ่มอยู่ประมาณ 30 เมตร ต่อมาจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะไปจอดใกล้กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ลดกระจกประตูรถด้านซ้ายตรงข้ามคนขับลงแล้วยื่นห่อสิ่งของออกนอกกระจกรถในลักษณะจะส่งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ แต่ยังไม่ทันส่งมอบห่อสิ่งของดังกล่าว จำเลยที่ 1 เห็นเจ้าพนักงานตำรวจจึงขับรถหลบหนีและขว้างห่อสิ่งของดังกล่าวทิ้ง เจ้าพนักงานตำรวจขับรถยนต์กระบะติดตามไปทันและจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ แล้วนำจำเลยที่ 1 ไปค้นหาห่อสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ขว้างทิ้งพบห่อพลาสติก 2 ห่อ บรรจุเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 380 เม็ด และปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจชุดแรกจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้พร้อมเงินสดของกลางจำนวน 28,000 บาท ชั้นจับกุมได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสามว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และโจทก์ยังมีร้อยตำรวจเอก พ. พนักงานสอบสวนเบิกความว่าในวันเกิดเหตุร้อยตำรวจเอก ว. กับพวกได้จับกุมจำเลยทั้งสามพร้อมของกลางมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 380 เม็ด รถยนต์กระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน และเงินสดจำนวน 28,000 บาท ไปมอบให้พยานสอบสวนดำเนินคดีชั้นสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสามว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เห็นว่า ร้อยตำรวจเอก ว. และจ่าสิบตำรวจ ท. พยานโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสามเบิกความลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจับกุมจำเลยทั้งสามได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางในบริเวณที่เกิดเหตุ มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันและจ่าสิบตำรวจ ท. กับพวกได้แอบซุ่มอยู่บริเวณข้างโรงปูนซีเมนต์ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะไปจอดใกล้กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ประมาณ 30 เมตร โดยไม่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์และจำเลยทั้งสามว่าในบริเวณนั้นมีสิ่งใดบดบัง น่าเชื่อว่าจ่าสิบตำรวจ ท. มีโอกาสสังเกตเห็นการกระทำต่าง ๆ ของจำเลยทั้งสามได้ ประกอบกับพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าว เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการไปตามหน้าที่ ไม่เคยรู้จักจำเลยทั้งสามมาก่อนและไม่ปรากฏว่าได้กระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อื่นใด ไม่มีเหตุน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลยทั้งสามให้ต้องรับโทษโดยปราศจากมูลความจริง กรณีมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวเบิกความไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อส่งมอบให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามที่ได้ตกลงซื้อขายและนัดส่งมอบกันไว้ ย่อมเป็นกรณีที่ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังไม่ได้รับมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 1 มาไว้ในครอบครองและยังไม่ได้ชำระราคาแก่จำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่การที่ จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนของกลางมายังบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อส่งมอบให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามที่ได้ตกลงซื้อขายและนัดส่งมอบกันไว้ และจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็นำเงินสดของกลางติดตัวมายังบริเวณที่เกิดเหตุเช่นกัน ประกอบกับ ก่อนถูกจับกุม จำเลยที่ 2 นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ จำเลยที่ 3 ยืนอยู่ใกล้ ๆ และจำเลยที่ 1 จอดรถอยู่ใกล้กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 พร้อมที่จะชำระเงินและจำเลยที่ 1 พร้อมที่จะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กันและกัน ถ้าไม่มีเหตุอื่นมาขัดขวางเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จถือได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ลงมือกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด เนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมเสียก่อนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะรับมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 1 และชำระราคาแก่จำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนปัญหาว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วยหรือไม่ นั้น ปัญหานี้แม้โจทก์จะไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีพฤติการณ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่ตามพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งมีจำนวน 380 เม็ด โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ที่เสพติดยาเสพติดให้โทษชนิดเมทแอมเฟตามีนอันจำต้องมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อใช้เสพเอง ประกอบกับในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ให้การรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวน มีใจความสำคัญด้วยว่าได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่นางลี จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share