คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .223 ไม่มีหมายเลขทะเบียนพร้อมด้วยกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 แม้กระสุนปืนดังกล่าวเป็นเครื่องกระสุนปืนประเภท ขนาด และชนิดซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ แต่เมื่ออาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนนั้นใช้ร่วมกันได้ จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคมพ.ศ. 2519 ข้อ 3, 6 และ 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7)พ.ศ. 2522 มาตรา 6 และสั่งริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 55ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 72 วรรคแรก จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 6 เดือน และฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในความครอบครองตามมาตรา 78 จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ให้คงริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในวันเกิดเหตุระหว่างที่จำเลยเดินไปตามถนนเพื่อไปยังบ้านที่อยู่ของนายประชานั้นร้อยตำรวจตรีสมพงษ์ จิตชาญวิชัย และสิบตำรวจเอกกิตติรงค์ รุ่งเรืองนั่งรถยนต์ออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุในคดีอาญาเรื่องหนึ่งขณะแล่นรถไปตามถนนสายเดียวกันนั้นได้พบจำเลยเดินสวนมาจึงหยุดรถลงไปตรวจค้นตัวจำเลย พบอาวุธปืนพกขนาด .223ไม่มีหมายเลขทะเบียนจำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนปืนเล็กกลขนาดกับพบกระสุนปืนชนิดและขนาดเดียวกันอีก 6 นัด ที่จำเลยนำติดตัวไปเพื่อคืนให้นายประชาหรือบิดาของนายประชาได้ยึดมาเป็นของกลาง กระสุนปืนทั้งเจ็ดนัดดังกล่าวเป็นเครื่องกระสุนปืนประเภทขนาดและชนิดซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีร้อยตำรวจตรีสมพงษ์กับสิบตำรวจเอกกิตติณรงค์พยานผู้จับกุมจำเลยเบิกความยืนยันว่าขณะจับกุมนั้นพบอาวุธปืนพกเหน็บอยู่ที่เอวจำเลยทางด้านซ้ายมีกระสุนปืนขนาด .223 บรรจุอยู่ในรังเพลิง 1 นัด กับพบกระสุนปืนขนาดเดียวกันในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของจำเลยอีก 6 นัดจึงยึดมาเป็นของกลาง กับมีร้อยตำรวจโทธเนศร์ พวงมณีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบ ได้ความสอดคล้องต้องกันทั้งตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ. ก็ดี บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนเอกสารหมาย จ.4 ก็ดี ซึ่งจำเลยลงลายมือชื่อไว้ต่างก็ระบุต้องกันว่า ขณะเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นและจับกุมจำเลยนั้นอาวุธปืนของกลางเหน็บอยู่ที่เอวจำเลยด้านซ้าย พยานโจทก์ไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุที่จะปรุงแต่งพยานหลักฐานขึ้นปรักปรำจำเลยพยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักฟังได้ว่า จำเลยนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางไปคืนให้นายประชาหรือบิดานายประชาโดยเหน็บอาวุธปืนซึ่งมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ 1 นัดนั้นไว้ที่เอวด้านซ้ายและเอากระสุนปืนอีก 6 นัด ใส่ไปในกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย แล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยเอาอาวุธปืนของกลางซึ่งมีกระสุนปืนบรรจุอยู่ 1 นัด เหน็บเอวและเอากระสุนปืนของกลางที่เหลือใส่กระเป๋าเสื้อเดินไปตามถนน เพื่อเอาไปคืนให้นายประชานั้น จึงเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมีเครื่องกระสุนปืนชนิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง กับฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตกับฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองเป็น 2 กรรมนั้น ยังคลาดเคลื่อนอยู่เพราะอาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนของกลางในคดีนี้ใช้ร่วมกันได้ ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท คือเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 ทั้งตามมาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง และมาตรา 55, 78นอกจากนี้ยังปรากฏว่าคำให้การรับของจำเลยทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอีกด้วย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องและลดโทษให้จำเลยตามสมควร
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, มาตรา 55, 78 และมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองตามมาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง และมาตรา 55, 78 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 55, 78 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก จำคุก 2 ปี ความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะตามมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ให้จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 2 ปี 6 เดือน คำให้การของจำเลยทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก1 ปี 8 เดือน ของกลางริบ

Share