คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6490/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ขณะเกิดเหตุผู้ตายจะเข้าไปในบริเวณบ่อปลากัดของจำเลยเพื่อลักปลากัด ซึ่งถ้าจำเลยพบเห็นจำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายพอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันทรัพย์สินของตนได้ แต่กระแสไฟฟ้าที่จำเลยปล่อยผ่านเส้นลวดที่ล้อมรอบบ่อปลากัดย่อมเป็นอันตรายร้ายแรงโดยสภาพซึ่งสามารถทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ส่วนทรัพย์สินของจำเลยเป็นเพียงปลากัดมีมูลค่าไม่มากนัก การปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าเส้นลวดกับการป้องกันทรัพย์สินของจำเลยย่อมไม่เป็นสัดส่วนกัน เมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าที่จำเลยปล่อยผ่านเส้นลวดดังกล่าวดูดถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรกว่าเหตุตาม ป.อ. มาตรา 69

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เวลากลางวันจำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาด 220 โวลต์ ไปตามสายไฟฟ้าที่ต่อกับเส้นลวดสื่อไฟฟ้า โดยมีเจตนาทำร้ายผู้อื่น เป็นเหตุให้เด็กชายนรินทร์ถูกเส้นลวดดังกล่าวกระแสไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 290
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 69 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนและเบิกความรับข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 9 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ เห็นว่า แม้ขณะเกิดเหตุผู้ตายจะเข้าไปบริเวณบ่อปลากัดของจำเลยเพื่อลักปลากัดซึ่งถ้าจำเลยพบเห็นเข้าจำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายที่พอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ แต่กระแสไฟฟ้าที่จำเลยปล่อยผ่านเส้นลวดที่ล้อมรอบบ่อปลากัดย่อมเป็นอันตรายร้ายแรงโดยสภาพซึ่งสามารถทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ส่วนทรัพย์สินของจำเลยเป็นเพียงปลากัดมีมูลค่าไม่มากเท่าใดนัก การปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าเส้นลวดกับการป้องกันทรัพย์สินของจำเลยย่อมไม่เป็นสัดส่วนกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรกว่าเหตุตาม ป.อ. มาตรา 69 ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ติดป้ายเตือนว่าได้เดินกระแสไฟฟ้าโดยติดไว้ที่ปากทางเข้าบ้านตามภาพถ่ายนั้น ปรากฏจากคำเบิกความของเด็กชายโพยมผู้พบศพผู้ตายเป็นคนแรก สิบตำรวจโทเปี่ยมศักดิ์ผู้จับกุมจำเลยและพันตำรวจตรีสัญญาพนักงานสอบสวนซึ่งได้ออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุในวันเกิดเหตุว่าในบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีป้ายเตือนแต่อย่างไร ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การว่า ญาติของจำเลยเพิ่งจะนำป้ายมาติดภายหลังเกิดเหตุแล้วตามคำให้การของผู้ต้องหา ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ติดป้ายเตือนไว้ จำเลยจึงมีความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่าแต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 69 ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วางโทษจำคุกและไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยนั้น เหมาะสมตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share