คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6462/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โจทก์ไม่ได้นำตัวจำเลยมาศาลเนื่องจากจำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาเรื่องอื่นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางและคดีดังกล่าวศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวระหว่างพิจารณากรณีเช่นนี้จึงถือได้ว่าจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางแล้ว จึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาได้
จำเลยเป็นตัวการร่วมกับพวกกระทำความผิด แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้พิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาด้วย จึงไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2540 เวลากลางวันจำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทภาพยนตร์ของบริษัทดิสนีย์ เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์จำกัด ผู้เสียหายที่ 1 และบริษัทพาราเมาท์ พิคเจอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้เสียหายที่ 2 โดยการนำภาพยนตร์วีดีโอเทปที่บันทึกภาพและเสียงเรื่อง “101 ดัลเมเชี่ยน” ของผู้เสียหายที่ 1 และเรื่อง”ไพรมอล เฟียร์” ของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งมีผู้ทำซ้ำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองรวม 7 ม้วน ออกให้เช่าเสนอให้เช่าแก่บุคคลทั่วไปที่ร้านทั่วไปและที่ร้านโฮมวิดีโอ ซึ่งพวกของจำเลยที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการให้เช่าแลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์จากนายทะเบียน อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าม้วนภาพยนตร์วีดีโอเทปดังกล่าวเป็นงานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสองและโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายทั้งสอง เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยภาพยนตร์วีดีโอเทปดังกล่าวข้างต้นเป็นของกลางจำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1157/2541ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 4, 6, 8,15, 28, 31, 61, 70, 75, 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83กับสั่งให้วีดีโอเทปของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์และจ่ายเงินค่าปรับกึ่งหนึ่งแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ และนับโทษจำเลยต่อจากโทษจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1157/2541 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

ระหว่างพิจารณา บริษัทดิสนีย์ เอ็นเตอร์ไพร์ส อิงค์ จำกัดผู้เสียหายที่ 1 และบริษัทพาราเมาท์ พิคเจอร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัดผู้เสียหายที่ 2 ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต

จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 31(1), 70 วรรคสอง จำคุก 6 เดือน และปรับ 160,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ80,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน มีกำหนด 1 ปีและให้จำเลยทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นควรเป็นเวลา 48 ชั่วโมง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 วีดีโอเทปของกลางให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์จ่ายค่าปรับกึ่งหนึ่งให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยข้อแรกว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 หรือไม่โดยในปัญหาข้อนี้จำเลยอุทธรณ์ว่า ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์ไม่ได้นำตัวจำเลยมาศาล ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้ เห็นว่า คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานเจ้าหน้าที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2542ว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ โจทก์ไม่ได้นำตัวจำเลยมาศาล เนื่องจากจำเลยเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1157/2541ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และคดีดังกล่าวศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวระหว่างพิจารณา กรณีเช่นนี้จึงถือได้ว่าจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้หลบหนีไปในระหว่างการปล่อยชั่วคราวในคดีดังกล่าว ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางย่อมมีอำนาจที่จะบังคับให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยมารับสำเนาคำฟ้องคดีนี้ได้ จึงชอบที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจะประทับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้

อนึ่ง คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้องและคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยเป็นตัวการร่วมกับพวกกระทำความผิดแต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้พิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาด้วย จึงยังไม่ถูกต้อง เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย และให้ลงโทษจำเลย จำคุก4 เดือน และปรับ 80,000 บาท ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 2 เดือน และปรับ40,000 บาท โดยให้รอการลงโทษจำคุกและคุมความประพฤติของจำเลยไว้ตามเดิม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share