คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2733/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ลูกเหล็กของกลางทุบตีที่บริเวณใบหน้า ของผู้เสียหายที่ 1 แล้วกระชากสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายที่ 1สวมอยู่ที่คอจนขาด แต่สร้อยคอหลุดมือตกลงที่พื้นจำเลยที่ 1 ก้มลงเก็บ ผู้เสียหายที่ 1 ร้องขอความช่วยเหลือและเข้ากอดเอวและดึงเสื้อของจำเลยไว้ผู้เสียหายที่ 2 เข้ามาช่วย จำเลยสะบัดหลุด แล้ววิ่งหนีไป แม้ขณะสร้อยคอทองคำหลุดจากคอผู้เสียหายที่ 1สร้อยคอทองคำจะอยู่ที่มือจำเลยตอนกระชากก็เป็นการกระทำเพื่อมุ่งหมายจะให้สร้อยคอหลุดจากคอผู้เสียหายที่ 1 แต่หลังจากกระชากแล้วสร้อยคอหลุดจากมือจำเลยตกลงที่พื้นแล้วจำเลยยังไม่ทันยึดถือเอาสร้อยคอทองคำไป การที่จำเลยเอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายที่ 1 ไปไม่ได้ก็เนื่องจากผู้เสียหายที่ 1กอดเอวและดึงเสื้อของจำเลยไว้โดยมีผู้เสียหายที่ 2เข้ามาช่วย เห็นได้ว่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดแล้วแต่การยึดถือเอาสร้อยคอทองคำนั้นไปยังไม่บรรลุผลการกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 340, 340 ตรีและริบลูกเหล็กของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม, 340 ตรีจำคุก 15 ปี ริบลูกเหล็กของกลาง ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสามประกอบด้วยมาตรา 80, 340 ตรี จำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดสำเร็จฐานชิงทรัพย์หาใช่ความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาไม่นั้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยที่ 1ใช้ลูกเหล็กของกลางทุบตีที่บริเวณใบหน้าของผู้เสียหายที่ 1 แล้วกระชากสร้อยคอทองคำที่ผู้เสียหายที่ 1 สวมอยู่ที่คอจนขาดแต่สร้อยคอหลุดมือตกลงที่พื้น จำเลยที่ 1 ก้มลงเก็บ ผู้เสียหายที่ 1ร้องขอความช่วยเหลือและเข้ากอดเอวและดึงเสื้อของจำเลยที่ 1 ไว้ผู้เสียหายที่ 2 เข้ามาช่วย จำเลยที่ 1 สะบัดหลุดแล้ววิ่งหนีเห็นว่า เมื่อสร้อยคอทองคำหลุดจากคอผู้เสียหายที่ 1 แม้สร้อยคอทองคำจะอยู่ที่มือจำเลยที่ 1 คอนกระชาก ก็เป็นการกระทำเพื่อมุ่งหมายจะให้สร้อยคอหลุดจากคอผู้เสียหายที่ 1 เท่านั้นและหลังจากกระชากแล้วสร้อยคอหลุดจากมือจำเลยที่ 1 ตกลงที่พื้นจำเลยที่ 1 ยังไม่ทันยึดถือเอาสร้อยคอทองคำไปการที่จำเลยที่ 1เอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายที่ 1 ไปไม่ได้ เนื่องจากผู้เสียหายที่ 1 กอดเอาและดึงเสื้อของจำเลยที่ 1 ไว้โดยมีผู้เสียหายที่ 2 เข้ามาช่วย เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่การยึดถือเอาสร้อยคอทองคำนั้นไปยังไม่บรรลุผล การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเพียงความผิดบานพยายามชิงทรัพย์เท่านั้น
พิพากษายืน

Share