คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง จ้างทำของ ค้ำประกัน ++
++ ทดสอบทำงานในเครื่อง ++
++
++ จำเลยทั้งสามฎีกา
++ ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2536 โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 ทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค(ระยะที่ 2) จังหวัดสระบุรี ตกลงค่าจ้างเป็นราคาเหมารวมภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีอากรอื่น ๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวง จำนวน 63,900,000 บาท มีการแบ่งเนื้องานที่ว่าจ้างออกเป็น 10 งวด และกำหนดการจ่ายเงินเป็นงวดรวม 10 งวด ตามราคาเนื้องานในแต่ละงวด และแต่ละงวดได้กำหนดเวลาทำงานให้แล้วเสร็จเป็นจำนวนวันต่อเนื่องกันไปโดยมีระยะเวลาห่างกัน30 วันในแต่ละงวด โดยงวดที่ 1 กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันและในงวดที่ 10 งวดสุดท้ายกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน แต่ทุกงวดจะเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันทำสัญญาเหมือนกัน
++ ในสัญญาข้อ 6 เรื่องกำหนดเวลาแล้วเสร็จ และสิทธิของผู้ว่าจ้างในการบอกเลิกสัญญา ได้มีการกำหนดให้ผู้รับจ้างจะต้องทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายในวันที่ 3 ธันวาคม2537 มิฉะนั้นผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
++ และสัญญาข้อ 16 เรื่องค่าปรับกำหนดว่า หากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ 63,900 บาท นับถัดจากวันที่กำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง ตามสัญญาจ้างทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค(ระยะที่ 2) จังหวัดสระบุรี เอกสารหมาย จ.3
++ มีจำเลยที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันความรับผิดของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อโจทก์ตามสัญญาจ้างดังกล่าวในจำนวนเงิน 3,195,000 บาท โดยมีข้อสัญญาว่า หากโจทก์ได้ขยายระยะเวลาให้แก่จำเลยที่ 1 หรือยินยอมให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดแผกไปจากเงื่อนไขใด ๆ ในสัญญา ให้ถือว่าจำเลยที่ 3 ได้ยินยอมด้วย ตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.6
++ ต่อมาวันที่ 18 พฤศจิกายน 2537 ก่อนครบอายุสัญญาจำเลยที่ 1 มีหนังสือขอขยายอายุสัญญา วันที่ 14 กรกฎาคม 2538 โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย จ.3โดยตกลงแก้ไขงวดงานและการจ่ายเงินในงวดที่ 4 งวดที่ 8 และงวดที่ 10และมีข้อสัญญาเพิ่มเติมข้อ 3 ว่า โจทก์ตกลงขยายระยะเวลาให้จำเลยที่ 1เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าวเป็นเวลา 50 วัน นับจากวันลงนามในสัญญาแก้ไขฉบับนี้ หากพ้นกำหนดนี้โจทก์จะใช้สิทธิในการปรับตามเงื่อนไขสัญญาเดิม และในข้อ 4 กำหนดว่า โจทก์ตกลงไม่ปรับจำเลยที่ 1 ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่สิ้นสุดสัญญาเดิม จนถึงวันลงนามในสัญญาแก้ไขฉบับนี้ เฉพาะเนื้องานส่วนที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่วนเนื้องานที่ไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาเดิมทุกประการตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำการประปาหนองแค (ระยะที่ 2) จังหวัดสระบุรี สัญญาเลขที่ 238/2536ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2536 (ฉบับที่ 1) เอกสารหมาย จ.18 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำตามสัญญาทุกงวดแล้วเสร็จและส่งมอบแก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาที่โจทก์ได้ขยายให้ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารหมาย จ.18 และโจทก์ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่จำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว
++ ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ส่งมอบงานในงวดที่9 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2538 งวดที่ 3 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2538และงานในงวดที่ 5 และที่ 6 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2538 ซึ่งเมื่อนับจากวันที่ 3 ธันวาคม 2537 อันเป็นวันกำหนดเวลาแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเดิมแล้วล่วงเลยไป 162 วัน และในการจ่ายเงินค่าจ้างในงวดที่ 9 งวดที่3 งวดที่ 5 และงวดที่ 6 โจทก์ได้บันทึกข้อความขอสงวนสิทธิในการปรับจำเลยที่ 1 เพราะเหตุส่งมอบงานล่าช้าด้วย ต่อมาโจทก์จึงเรียกร้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระค่าปรับเป็นเงินวันละ 63,900 บาท จำนวน162 วัน เป็นเงิน 10,351,800 บาท และเรียกให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดด้วยในฐานะผู้ค้ำประกัน
++
++ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย จ.18 ถือเป็นการขยายระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3 ทั้งสัญญา หรือขยายระยะเวลาเฉพาะงานในงวดที่ 4 งวดที่ 8 และงวดที่ 10 ตามที่ระบุไว้ในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว
++ เห็นว่า แม้ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.18 ข้อ 4 จะระบุว่า ผู้ว่าจ้างตกลงไม่ปรับผู้รับจ้างในช่วงระยะเวลาตั้งแต่สิ้นสุดสัญญาเดิม จนถึงวันลงนามในสัญญาแก้ไขฯ ฉบับนี้ เฉพาะเนื้องานส่วนที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่วนเนื้องานที่ไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาเดิมทุกประการ อันแสดงให้เห็นเจตนาได้ว่าสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ ถือว่ากำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงวดสามารถแยกออกจากกันได้ จึงได้มีข้อความเป็นทำนองว่าอนุญาตให้ขยายระยะเวลาสำหรับงานในงวดที่ 4 งวดที่ 8 และงวดที่ 10 ได้เท่านั้น
++ แต่อย่างไรก็ตาม สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.18 เป็นเพียงส่วนประกอบของสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3
++ ดังนั้น การตีความในข้อความของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม จึงต้องตีความให้สอดคล้องและไม่ให้ขัดกับสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3
++ เมื่อพิจารณาสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3ข้อ 1 ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าจ้าง ได้กำหนดว่า ผู้ว่าจ้างตกลงจ้างและผู้รับจ้างตกลงรับจ้างทำการปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค จังหวัดสระบุรีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขแห่งสัญญานี้ รวมทั้งเอกสารแนบท้ายสัญญา และในสัญญาข้อ 4 ซึ่งเป็นข้อตกลงเรื่องค่าจ้างและการจ่ายเงิน ได้กำหนดว่า ผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายและผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้าง จำนวนเงิน 63,900,000 บาท ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนเงิน 4,180,373.83 บาท ตลอดจนภาษีอากรอื่น ๆและค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว โดยถือเอาราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์ และกำหนดจ่ายเงินเป็นงวด ๆ ดังนี้ สัญญาข้อ 6 เรื่องกำหนดเวลาแล้วเสร็จและสิทธิของผู้ว่าจ้างในการบอกเลิกสัญญาได้ระบุไว้ว่า ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานที่รับจ้างภายในวันที่ 8 ธันวาคม 2536 และจะต้องทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายในวันที่ 3ธันวาคม 2537 ถ้าผู้รับจ้างมิได้ลงมือทำงานภายในกำหนดเวลาหรือไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา หรือจะแล้วเสร็จล่าช้าเกินกว่ากำหนดเวลา ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญานี้ได้ และสัญญาข้อ 16 เรื่องค่าปรับ ระบุว่าหากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ 63,900 บาท นับถัดจากวันที่กำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง
++ จากข้อตกลงว่าจ้างและข้อตกลงเรื่องค่าจ้าง แสดงให้เห็นว่าสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย จ.3เป็นสัญญาจ้างทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ โดยผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายค่าจ้างเพื่อผลสำเร็จของงานนั้นเป็นเงิน 63,900,000 บาท ข้อกำหนดให้ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานในวันที่ 8 ธันวาคม 2536 อันเป็นวันทำสัญญา และต้องทำงานให้เสร็จบริบูรณ์ภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2537 แม้ในรายละเอียดของงวดงานทั้ง 10 งวดตามสัญญา จะได้กำหนดจำนวนวันที่จะต้องทำให้แล้วเสร็จในแต่ละงวดไว้แตกต่างกัน แต่กำหนดเวลาเริ่มต้นทำงานของงานแต่ละงวดจะนับตั้งแต่วันทำสัญญาเหมือนกันหมด โดยมิได้กำหนดให้เริ่มทำงานในงวดที่ 1 ก่อนและกำหนดให้ส่งมอบงานในงวดที่ 10 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายในวันที่ 3 ธันวาคม 2537เรียงกันไป ทั้งเมื่อพิจารณาถึงจำนวนค่าปรับ 63,900 บาทต่อวันแล้ว ปรากฎว่าตามสัญญาได้ใช้จำนวนค่าจ้างของงานทั้งหมดมาเป็นฐานคำนวณค่าปรับในอัตราร้อยละ .1 ของค่าจ้างทั้งหมดจำนวนเดียว ย่อมมีความหมายว่าผู้รับจ้างจะเริ่มทำงานในงวดใดก่อนก็ได้ และจะทำงานงวดใดให้เสร็จเป็นงวดสุดท้ายก็ได้ แต่งานทุกงวดต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2537 หากงานงวดใดงวดหนึ่งเสร็จล่าช้าเกินไปกว่าวันที่ 3 ธันวาคม 2537 ต้องถือว่างานทั้งหมดล่าช้า ต้องเสียค่าปรับวันละ 63,900 บาท
++ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3 ว่า เป็นสัญญาจ้างทำของในลักษณะจ้างเหมาโดยถือเอาความสำเร็จของงานทั้งหมดเป็นสำคัญ การแบ่งงวดงานออกเป็น 10งวด ก็เพื่อประโยชน์ในการจ่ายเงินค่าจ้างซึ่งจะแบ่งจ่ายแก่ผู้รับจ้างเป็นงวด ๆเท่านั้น ดังนั้น กำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานทั้งหมด ก็คือกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาจ้าง ข้อ 6 ที่กำหนดให้ทำงานเสร็จภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2537เมื่อตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.18 ได้มีการแก้ไขเนื้องานเฉพาะงานในงวดที่ 4 งวดที่ 8 และงวดที่ 10 โดยมีการตกลงเพิ่มเติมจากสัญญาจ้างเดิมในข้อ 3 ของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมว่า ผู้ว่าจ้างตกลงขยายระยะเวลาให้ผู้รับจ้างเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าวเป็นเวลา 50 วัน นับแต่วันลงนามในสัญญาแก้ไขฯ ฉบับนี้ หากพ้นกำหนดนี้ผู้ว่าจ้างจะใช้สิทธิในการปรับตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ต้องถือว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความในข้อ 6 ของสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.3 โดยการขยายระยะเวลาทำงานแล้วเสร็จบริบูรณ์ออกไปทั้งสัญญา
++ แม้ตามความในข้อ 4ของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.18 จะมีข้อความในทำนองที่ว่า การขยายระยะเวลาตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมนี้ เป็นการขยายระยะเวลาให้สำหรับงานในงวดที่ 4 งวดที่ 8 และงวดที่ 10 ที่มีการแก้ไขเนื้องานเท่านั้น ส่วนงานในงวดอื่น ๆ หากมีการส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดเวลาในสัญญาจ้างเดิม ต้องถูกปรับตามอัตราค่าปรับตามสัญญาจ้างเดิมโดยมิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมส่วนของอัตราค่าปรับให้สอดคล้องกับจำนวนค่าจ้างที่ต้องจ่ายตามสัญญาจ้างเดิมในแต่ละงวด ทั้งมิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดอื่นในสัญญาจ้างเดิมอีก ความในข้อ 4 ของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.18 จึงไม่สอดคล้องและขัดกับสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3 ไม่มีผลบังคับ
++ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบงานทุกงวดภายในกำหนดเวลาที่ได้มีการขยายให้ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.18 แล้ว จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะเหตุส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดเวลาตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสามชำระค่าปรับตามสัญญาได้ ++

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจ และมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒ มีนายวิศิษฐ์หล่อธีระพงศ์ เป็นผู้ว่าการ มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ จำเลยที่ ๑เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๓เป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ ๑ ให้ทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค (ระยะที่ ๒) จังหวัดสระบุรี จำนวนเงินค่าจ้าง ๖๓,๙๐๐,๐๐๐บาท โดยแบ่งงานและกำหนดจ่ายเงินเป็นงวดรวม ๑๐ งวด กำหนดแล้วเสร็จในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗ มีข้อตกลงว่าหากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญาผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ ๖๓,๙๐๐ บาท จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จ โดยมีจำเลยที่ ๓เป็นผู้ค้ำประกันในวงเงิน ๓,๑๙๕,๐๐๐ บาท ปรากฎว่าจำเลยที่ ๑ปฏิบัติผิดสัญญาจ้าง โดยไม่สามารถทำงานงวดที่ ๓ งวดที่ ๕ งวดที่ ๖และงวดที่ ๙ ให้แล้วเสร็จและส่งมอบงานดังกล่าวให้แก่โจทก์ได้ตรงตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา ครั้นครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างวันที่ ๓ธันวาคม ๒๕๓๗ จำเลยที่ ๑ ก็ยังทำงานงวดดังกล่าวไม่แล้วเสร็จ โดยจำเลยที่ ๑ ทำงานงวดที่ ๓ เสร็จวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ งวดที่ ๙เสร็จวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๘ งวดที่ ๕ และงวดที่ ๖ เสร็จวันที่ ๑๔พฤษภาคม ๒๕๓๘ โจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ต้องรับผิดชำระค่าปรับให้โจทก์ตามสัญญาเป็นเงินวันละ ๖๓,๙๐๐ บาทรวมเวลา ๑๖๒ วัน เป็นเงิน ๑๐,๓๕๑,๘๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องรับผิดต่อโจทก์ในวงเงิน ๓,๑๙๕,๐๐๐ บาท ด้วยโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสามชำระค่าปรับแล้ว แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระเงิน ๑๐,๓๙๙,๒๔๕.๗๕บาท และให้จำเลยที่ ๓ ชำระเงิน ๓,๒๑๐,๙๗๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ตามลำดับ
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันว่า สัญญาจ้างทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค (ระยะที่ ๒)จังหวัดสระบุรี เป็นสัญญาจ้างเหมาซึ่งถือเอาผลสำเร็จของงานก่อสร้างทั้งหมด กับระยะเวลาเสร็จงานงวดสุดท้ายตามกำหนดในสัญญาเป็นวันสิ้นสุดแห่งสัญญา โดยที่การแบ่งงวดงานออกเป็น ๑๐ งวดนั้น เป็นการแบ่งเพื่อการชำระค่างานแต่ละงวด ซึ่งการทำงานแต่ละงวดไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ คงมีผลเพียงทำให้จำเลยที่ ๑ยังไม่มีสิทธิที่จะรับเงินค่างวดนั้น ๆ เท่านั้น มิได้เป็นผลทำให้จำเลยที่ ๑ ตกเป็นผู้ผิดสัญญาแต่อย่างใด แม้สัญญาจะได้กำหนดวันสิ้นสุดสัญญาในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗ แต่ปรากฎว่าระหว่างระยะเวลาตามสัญญาโจทก์ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่การทำงานให้แก่จำเลยที่ ๑ เข้าไปดำเนินการได้ตามปกติ ทำให้จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขและข้อกำหนดเวลาแห่งสัญญาได้ จำเลยที่ ๑ จึงขอให้โจทก์ต่ออายุสัญญาวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๘ โจทก์และจำเลยที่ ๑ได้มีการทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ โดยโจทก์ตกลงต่ออายุสัญญาให้จำเลยที่ ๑ อีก ๕๐วันนับแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๘ ทำให้สัญญาไปสิ้นสุดลงในวันที่ ๒กันยายน ๒๕๓๘ และให้ถือว่าช่วงระยะเวลาระหว่างวันที่ ๓ ธันวาคม๒๕๓๗ ถึงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๘ นั้น จำเลยที่ ๑ ไม่เป็นผู้ผิดสัญญาเมื่อแก้ไขสัญญาแล้วมีผลให้งานทุกงวดรวมทั้งงานงวดที่ ๓ งวดที่ ๕งวดที่ ๖ และงวดที่ ๙ ขยายออกไปจนถึงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๓๘จำเลยที่ ๑ ได้ส่งงานงวดที่ ๓ งวดที่ ๕ งวดที่ ๖ และงวดที่ ๙ ภายในระยะเวลาที่โจทก์ได้ต่ออายุสัญญาให้แก่จำเลยที่ ๑ และโจทก์ได้ชำระค่างวดงานทั้ง ๔ งวด ให้แก่จำเลยที่ ๑ แล้ว จำเลยที่ ๑ จึงไม่ผิดสัญญาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสามชำระค่าปรับ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสาม โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๐,๓๙๙,๒๔๕.๗๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในยอดเงินจำนวน ๓,๒๑๐,๙๗๕บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๓๐,๐๐๐ บาท ให้จำเลยที่ ๓ร่วมรับผิดสำหรับค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยที่ ๓ ต้องร่วมรับผิดและร่วมรับผิดในค่าทนายความ ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ ๒เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ ๑ ทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค(ระยะที่ ๒) จังหวัดสระบุรี ตกลงค่าจ้างเป็นราคาเหมารวมภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีอากรอื่น ๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวง จำนวน ๖๓,๙๐๐,๐๐๐ บาท มีการแบ่งเนื้องานที่ว่าจ้างออกเป็น ๑๐ งวด และกำหนดการจ่ายเงินเป็นงวดรวม ๑๐ งวด ตามราคาเนื้องานในแต่ละงวด และแต่ละงวดได้กำหนดเวลาทำงานให้แล้วเสร็จเป็นจำนวนวันต่อเนื่องกันไปโดยมีระยะเวลาห่างกัน๓๐ วันในแต่ละงวด โดยงวดที่ ๑ กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันและในงวดที่ ๑๐ งวดสุดท้ายกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน ๓๖๐ วัน แต่ทุกงวดจะเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่วันทำสัญญาเหมือนกัน ในสัญญาข้อ ๖ เรื่องกำหนดเวลาแล้วเสร็จ และสิทธิของผู้ว่าจ้างในการบอกเลิกสัญญา ได้มีการกำหนดให้ผู้รับจ้างจะต้องทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายในวันที่ ๓ ธันวาคม๒๕๓๗ มิฉะนั้นผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และสัญญาข้อ ๑๖ เรื่องค่าปรับกำหนดว่าหากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ ๖๓,๙๐๐ บาท นับถัดจากวันที่กำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง ตามสัญญาจ้างทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค(ระยะที่ ๒) จังหวัดสระบุรี เอกสารหมาย จ.๓ มีจำเลยที่ ๓ ทำสัญญาค้ำประกันความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ที่มีต่อโจทก์ตามสัญญาจ้างดังกล่าวในจำนวนเงิน ๓,๑๙๕,๐๐๐ บาท โดยมีข้อสัญญาว่าหากโจทก์ได้ขยายระยะเวลาให้แก่จำเลยที่ ๑ หรือยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติผิดแผกไปจากเงื่อนไขใด ๆ ในสัญญา ให้ถือว่าจำเลยที่ ๓ ได้ยินยอมด้วย ตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.๖ ต่อมาวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ ก่อนครบอายุสัญญาจำเลยที่ ๑ มีหนังสือขอขยายอายุสัญญา วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๘ โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย จ.๓โดยตกลงแก้ไขงวดงานและการจ่ายเงินในงวดที่ ๔ งวดที่ ๘ และงวดที่ ๑๐และมีข้อสัญญาเพิ่มเติมข้อ ๓ ว่า โจทก์ตกลงขยายระยะเวลาให้จำเลยที่ ๑เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าวเป็นเวลา ๕๐ วัน นับจากวันลงนามในสัญญาแก้ไขฉบับนี้ หากพ้นกำหนดนี้โจทก์จะใช้สิทธิในการปรับตามเงื่อนไขสัญญาเดิม และในข้อ ๔ กำหนดว่า โจทก์ตกลงไม่ปรับจำเลยที่ ๑ ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่สิ้นสุดสัญญาเดิม จนถึงวันลงนามในสัญญาแก้ไขฉบับนี้ เฉพาะเนื้องานส่วนที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่วนเนื้องานที่ไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาเดิมทุกประการตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำการประปาหนองแค (ระยะที่ ๒) จังหวัดสระบุรี สัญญาเลขที่ ๒๓๘/๒๕๓๖ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ (ฉบับที่ ๑) เอกสารหมาย จ.๑๘ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ทำการก่อสร้างและปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำตามสัญญาทุกงวดแล้วเสร็จและส่งมอบแก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาที่โจทก์ได้ขยายให้ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารหมาย จ.๑๘ และโจทก์ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่จำเลยที่ ๑ ครบถ้วนแล้ว ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ส่งมอบงานในงวดที่๙ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๘ งวดที่ ๓ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘และงานในงวดที่ ๕ และที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๘ ซึ่งเมื่อนับจากวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗ อันเป็นวันกำหนดเวลาแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเดิมแล้วล่วงเลยไป ๑๖๒ วัน และในการจ่ายเงินค่าจ้างในงวดที่ ๙ งวดที่๓ งวดที่ ๕ และงวดที่ ๖ โจทก์ได้บันทึกข้อความขอสงวนสิทธิในการปรับจำเลยที่ ๑ เพราะเหตุส่งมอบงานล่าช้าด้วย ต่อมาโจทก์จึงเรียกร้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ชำระค่าปรับเป็นเงินวันละ ๖๓,๙๐๐ บาท จำนวน๑๖๒ วัน เป็นเงิน ๑๐,๓๕๑,๘๐๐ บาท และเรียกให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดด้วยในฐานะผู้ค้ำประกัน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย จ.๑๘ ถือเป็นการขยายระยะเวลาการก่อสร้างตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๓ ทั้งสัญญา หรือขยายระยะเวลาเฉพาะงานในงวดที่ ๔ งวดที่ ๘ และงวดที่ ๑๐ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว เห็นว่า แม้ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๑๘ ข้อ ๔ จะระบุว่า ผู้ว่าจ้างตกลงไม่ปรับผู้รับจ้างในช่วงระยะเวลาตั้งแต่สิ้นสุดสัญญาเดิม จนถึงวันลงนามในสัญญาแก้ไขฯ ฉบับนี้ เฉพาะเนื้องานส่วนที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่วนเนื้องานที่ไม่ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาเดิมทุกประการ อันแสดงให้เห็นเจตนาได้ว่าสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ ถือว่ากำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานแต่ละงวดสามารถแยกออกจากกันได้ จึงได้มีข้อความเป็นทำนองว่าอนุญาตให้ขยายระยะเวลาสำหรับงานในงวดที่ ๔ งวดที่ ๘ และงวดที่ ๑๐ ได้เท่านั้นแต่อย่างไรก็ตาม สัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๑๘ เป็นเพียงส่วนประกอบของสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๓ ดังนั้นการตีความในข้อความของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม จึงต้องตีความให้สอดคล้องและไม่ให้ขัดกับสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๓ เมื่อพิจารณาสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๓ข้อ ๑ ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าจ้าง ได้กำหนดว่า ผู้ว่าจ้างตกลงจ้างและผู้รับจ้างตกลงรับจ้างทำการปรับปรุงขยายท่อจ่ายน้ำ การประปาหนองแค จังหวัดสระบุรีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขแห่งสัญญานี้ รวมทั้งเอกสารแนบท้ายสัญญา และในสัญญาข้อ ๔ ซึ่งเป็นข้อตกลงเรื่องค่าจ้างและการจ่ายเงิน ได้กำหนดว่า ผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายและผู้รับจ้างตกลงรับเงินค่าจ้าง จำนวนเงิน ๖๓,๙๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนเงิน ๔,๑๘๐,๓๗๓.๘๓ บาท ตลอดจนภาษีอากรอื่น ๆและค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว โดยถือเอาราคาเหมารวมเป็นเกณฑ์ และกำหนดจ่ายเงินเป็นงวด ๆ ดังนี้ สัญญาข้อ ๖ เรื่องกำหนดเวลาแล้วเสร็จและสิทธิของผู้ว่าจ้างในการบอกเลิกสัญญาได้ระบุไว้ว่า ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานที่รับจ้างภายในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ และจะต้องทำงานให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายในวันที่ ๓ธันวาคม ๒๕๓๗ ถ้าผู้รับจ้างมิได้ลงมือทำงานภายในกำหนดเวลาหรือไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา หรือจะแล้วเสร็จล่าช้าเกินกว่ากำหนดเวลา ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญานี้ได้ และสัญญาข้อ ๑๖ เรื่องค่าปรับ ระบุว่าหากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องชำระค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ ๖๓,๙๐๐ บาท นับถัดจากวันที่กำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง จากข้อตกลงว่าจ้างและข้อตกลงเรื่องค่าจ้าง แสดงให้เห็นว่าสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย จ.๓เป็นสัญญาจ้างทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จ โดยผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายค่าจ้างเพื่อผลสำเร็จของงานนั้นเป็นเงิน ๖๓,๙๐๐,๐๐๐ บาท ข้อกำหนดให้ผู้รับจ้างต้องเริ่มทำงานในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ อันเป็นวันทำสัญญา และต้องทำงานให้เสร็จบริบูรณ์ภายในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗ แม้ในรายละเอียดของงวดงานทั้ง ๑๐ งวดตามสัญญา จะได้กำหนดจำนวนวันที่จะต้องทำให้แล้วเสร็จในแต่ละงวดไว้แตกต่างกัน แต่กำหนดเวลาเริ่มต้นทำงานของงานแต่ละงวดจะนับตั้งแต่วันทำสัญญาเหมือนกันหมด โดยมิได้กำหนดให้เริ่มทำงานในงวดที่ ๑ ก่อนและกำหนดให้ส่งมอบงานในงวดที่ ๑๐ ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗เรียงกันไป ทั้งเมื่อพิจารณาถึงจำนวนค่าปรับ ๖๓,๙๐๐ บาทต่อวันแล้ว ปรากฎว่าตามสัญญาได้ใช้จำนวนค่าจ้างของงานทั้งหมดมาเป็นฐานคำนวณค่าปรับในอัตราร้อยละ .๑ ของค่าจ้างทั้งหมดจำนวนเดียว ย่อมมีความหมายว่าผู้รับจ้างจะเริ่มทำงานในงวดใดก่อนก็ได้ และจะทำงานงวดใดให้เสร็จเป็นงวดสุดท้ายก็ได้ แต่งานทุกงวดต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗ หากงานงวดใดงวดหนึ่งเสร็จล่าช้าเกินไปกว่าวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗ ต้องถือว่างานทั้งหมดล่าช้า ต้องเสียค่าปรับวันละ ๖๓,๙๐๐ บาท แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.๓ ว่าเป็นสัญญาจ้างทำของในลักษณะจ้างเหมาโดยถือเอาความสำเร็จของงานทั้งหมดเป็นสำคัญ การแบ่งงวดงานออกเป็น ๑๐งวด ก็เพื่อประโยชน์ในการจ่ายเงินค่าจ้างซึ่งจะแบ่งจ่ายแก่ผู้รับจ้างเป็นงวด ๆเท่านั้น ดังนั้น กำหนดเวลาแล้วเสร็จของงานทั้งหมด ก็คือกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาจ้าง ข้อ ๖ ที่กำหนดให้ทำงานเสร็จภายในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๗เมื่อตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.๑๘ ได้มีการแก้ไขเนื้องานเฉพาะงานในงวดที่ ๔ งวดที่ ๘ และงวดที่ ๑๐ โดยมีการตกลงเพิ่มเติมจากสัญญาจ้างเดิมในข้อ ๓ ของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมว่า ผู้ว่าจ้างตกลงขยายระยะเวลาให้ผู้รับจ้างเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาดังกล่าวเป็นเวลา ๕๐ วัน นับแต่วันลงนามในสัญญาแก้ไขฯ ฉบับนี้ หากพ้นกำหนดนี้ผู้ว่าจ้างจะใช้สิทธิในการปรับตามเงื่อนไขสัญญาเดิมต้องถือว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความในข้อ ๖ ของสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.๓ โดยการขยายระยะเวลาทำงานแล้วเสร็จบริบูรณ์ออกไปทั้งสัญญา แม้ตามความในข้อ ๔ของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.๑๘ จะมีข้อความในทำนองที่ว่า การขยายระยะเวลาตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมนี้ เป็นการขยายระยะเวลาให้สำหรับงานในงวดที่ ๔ งวดที่ ๘ และงวดที่ ๑๐ ที่มีการแก้ไขเนื้องานเท่านั้น ส่วนงานในงวดอื่น ๆ หากมีการส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดเวลาในสัญญาจ้างเดิม ต้องถูกปรับตามอัตราค่าปรับตามสัญญาจ้างเดิมโดยมิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมส่วนของอัตราค่าปรับให้สอดคล้องกับจำนวนค่าจ้างที่ต้องจ่ายตามสัญญาจ้างเดิมในแต่ละงวด ทั้งมิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดอื่นในสัญญาจ้างเดิมอีก ความในข้อ ๔ ของสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.๑๘ จึงไม่สอดคล้องและขัดกับสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๓ ไม่มีผลบังคับ เมื่อจำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบงานทุกงวดภายในกำหนดเวลาที่ได้มีการขยายให้ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.๑๘ แล้วจึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะเหตุส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนดเวลาตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสามชำระค่าปรับตามสัญญาได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลยทั้งสาม โดยกำหนดค่าทนายความสำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒เป็นเงินรวม ๓๐,๐๐๐ บาท และจำเลยที่ ๓ เป็นเงินรวม ๑๒,๐๐๐ บาท.

Share