แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 3 ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หมายความว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด และให้หมายความรวมถึงการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าวด้วย และมาตรา 30 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องจักรกล หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ลงโทษ จำเลยทั้งสองฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองและเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยยกฟ้องในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงมิได้อยู่ในความหมายของคำว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ในอันที่จะขอให้ริบรถยนต์กระบะของกลาง ตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งริบรถยนต์กระบะและเงินสดของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 30, 31
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นอย่างน้อยสองวันติดต่อกัน เพื่อให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีตามกฎหมายแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน ผ-8147 เพชรบูรณ์ ของกลาง ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ยกคำขอให้ริบเงินสดจำนวน 2,500 บาท และคืนเงินสดจำนวนดังกล่าวแก่เจ้าของ
ผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องและคืนรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ผ-8147 เพชรบูรณ์ ของกลางแก่เจ้าของเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้แย้งกันฟังเป็นยุติในชั้นนี้ว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2545 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกันจับกุมนายสวิง ปันมา ผู้คัดค้านที่ 1 นางนาฏตยา สมประสงค์ ผู้คัดค้านที่ 2 พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 300 เม็ด น้ำหนัก 26.94 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 5.67 กรัม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ผ-8147 เพชรบูรณ์ และเงินสด 2,500 บาท เป็นของกลาง ต่อมาผู้ร้องได้ฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 2 ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ร่วมกับมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพเมทแอมเฟตามีนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1815/2544 ของศาลชั้นต้น และต่อมาได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ริบรถยนต์กระบะและเงินสด 2,500 บาท ของกล่าง เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1815/2544 ของศาลชั้นต้น ดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษผู้คัดค้านทั้งสองตามคำฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษผู้คัดค้านทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง และฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ให้ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องมีเพียงว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องและให้คืนรถยนต์กระบะของกลางแก่เจ้าของชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3 ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหมายความว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด และให้หมายความรวมถึงการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือพยายามกระทำความผิดดังกล่าวด้วย และมาตรา 30 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องจักรกล หรือทรัพย์สินอื่นใดที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดหรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองและเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงมิได้อยู่ในความหมายของคำว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ในอันที่จะขอให้ริบรถยนต์กระบะของกลางตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติข้างต้นได้ ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ริบรถยนต์กระบะของกลางได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน