คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3989/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส เกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือ ทั้งไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยมิได้บรรยายอ้างเหตุว่าการหลบหนีดังกล่าวเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตายด้วยดังนี้ ไม่อาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ มาตรา 160 วรรคสองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกขนาดกลางด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ที่นางบรรจบขับขี่อยู่จนนางบรรจบได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนรถยนต์ที่จำเลยขับได้เสียหลักพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้นายแสวงถึงแก่ความตาย นายถุย นายถวัลย์ได้รับอันตรายสาหัส นายเดช ได้รับอันตรายแก่กาย เกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บ ทั้งไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 71 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 78, 157, 160

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้ว เห็นควรลงโทษสถานเบา ลงโทษฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 8 เดือน ฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุ จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 10 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 5 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษจำเลย แต่ตามคำบรรยายฟ้องไม่ปรากฏว่า การไม่อยู่ให้ความช่วยเหลือตามสมควร ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที โดยจำเลยหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุนั้น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นกรณีตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคแรก พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุจำคุก 1 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 15 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 บัญญัติเกี่ยวกับความผิดฐานขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควรและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามมาตรา 78 ซึ่งมีบทลงโทษตามมาตรา 160 บัญญัติไว้ความว่า

“ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ผู้ขับขี่ที่จะได้รับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 160 วรรคสอง หมายถึงกรณีที่ขับขี่รถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 และการไม่ปฏิบัติตามนี้เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย มิใช่หมายถึงการขับขี่รถในทางก่อให้เกิดความเสียหายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตายแล้วผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 คดีนี้โจทก์กล่าวบรรยายฟ้องแต่เพียงว่า เมื่อจำเลยก่อความเสียหายแล้ว จำเลยได้หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุโดยไม่อยู่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งมิได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที มิได้บรรยายอ้างเหตุว่าการที่จำเลยไม่อยู่ให้ความช่วยเหลือตามสมควร ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันทีโดยจำเลยได้หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 นั้น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตายด้วยเหตุนี้ คดีจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสองได้

พิพากษายืน

Share