คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ครอบครองที่บ้าน ที่สวนอยู่ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 ย่อมได้กรรมสิทธิ์
เข้าแย่งการครอบครองเมื่อ 5 ปีมานี้ การแย่งการครอบครองที่บ้าน ที่สวนซึ่งผู้ครอบครองมีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ ผู้แย่งการครอบครองจะต้องครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 จึงจะได้กรรมสิทธิ์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2510)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยบิดาทำพินัยกรรมยกให้ โจทก์ได้ให้บุตรจำเลยอาศัย เมื่อบุตรจำเลยตาย จำเลยจะขอรับมรดกเป็นเจ้าของเสียเอง ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ได้รับมรดกจากบิดามารดา จำเลยยกให้นายเกริ้มบุตรจำเลย โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ไม่น่าเชื่อว่านายเกริ้มอาศัยและครอบครองแทนโจทก์ ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์เข้าครอบครองมา ๕ ปี ย่อมได้สิทธิ์ครอบครองแล้ว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่บ้านมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงเป็นที่บ้านตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ โจทก์เข้าไปอยู่ในที่พิพาทยังไม่ถึง ๑๐ ปี ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของบิดาโจทก์ และตามพินัยกรรมก็ไม่มีข้อความระบุว่ายกที่พิพาทให้โจทก์ ที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยมารดายกให้แล้วจำเลยยกให้นายเกริ้ม นายเกริ้มมิได้อาศัยบิดาโจทก์และแจ้งการครอบครองแทนโจทก์ และโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ที่พิพาทมีสภาพเป็นที่บ้านตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ ผู้ครอบครองที่บ้านที่สวนอยู่ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ ย่อมได้กรรมสิทธิ์ โจทก์เพิ่งเข้าอยู่ในที่พิพาทเมื่อ ๕ ปีมานี้เอง ยังไม่ครบ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ จึงไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.

Share