คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการตรวจการจ้างเป็นเพียงคณะบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งจากจำเลยผู้ว่าจ้างให้ทำหน้าที่แทนผู้ว่าจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521 ตามคำสั่งจำเลยที่แต่งตั้งให้มีหน้าที่ตรวจการจ้างและควบคุมงานปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบตลอดจนควบคุมตรวจรับงานให้ถูกต้องตามสัญญาและรายละเอียดตามแบบแปลนคณะกรรมการตรวจการจ้างจึงไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์ และจำเลยก็มิได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจการจ้างตกลงหรือตัดสินใจแทนจำเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับสัญญาจ้าง และการที่โจทก์สำรวจพบหินพืดและหินผุในสายทาง ซึ่งต้องระเบิดทิ้งและอยู่นอกเหนือจากแบบและรายการประมูล โจทก์จะต้อง ปฏิบัติตามสัญญาจ้างโดยตกลงเพิ่มเติมงานและคิดราคากับจำเลยใหม่เมื่อโจทก์เพียงแต่สอบถามคณะกรรมการตรวจการจ้างถึงวิธีดำเนินการ แม้คณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับวิธีการที่จะระเบิดหินและให้ดำเนินการไปได้แต่เมื่อลักษณะงานที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้เป็นสาระสำคัญของสัญญาเพราะเกี่ยวข้องกับเงินค่าจ้างที่เปลี่ยนแปลงเป็นจำนวนมากซึ่งหากจะดำเนินงานต่อไปคู่สัญญาจำต้องทำความตกลงกันใหม่เสียก่อนตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง แต่โจทก์กลับทำข้ามขั้นตอนโดยจำเลยไม่ได้รู้เห็นหรือร่วมตกลงด้วยเพราะอุปสรรคที่พบและจำนวนค่าจ้างที่สูงขึ้นอาจมีผลทำให้ต้องยกเลิกการจ้างได้ โจทก์จึงไม่อาจนำมากล่าวอ้างเพื่อเรียกร้องเอาเงินเพิ่มได้ ดังนี้ เป็นความผิดพลาดบกพร่องของโจทก์แต่ฝ่ายเดียว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบชำระค่าจ้างในส่วนงานที่เพิ่มแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2530 จำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างถนนลาดยางและจำเลยต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่โจทก์จำนวน 20,209,147.50 บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยต่อรองราคาขอชำระเพียง 17,892,007.50 บาท โจทก์ตกลงด้วยและแจ้งให้จำเลยชำระเงินเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2531 แต่จำเลยมิได้ตั้งงบประมาณไว้ และต้องขออนุมัติเป็นกรณีพิเศษจากคณะรัฐมนตรี โจทก์ทวงถามหลายครั้งแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระเงินให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 17,892,007.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 มีนาคม 2531 (วันผิดนัด)เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องคิดเป็นเงิน 2,612,415 บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์ทำงานเพิ่มและตกลงเพิ่มค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์ ไม่ได้อนุมัติให้โจทก์ทำงานเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงในสัญญา อีกทั้งไม่เคยตกลงต่อรองราคาที่โจทก์เรียก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 17,892,007.50 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 มีนาคม 2532จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 2,612,415 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากทางนำสืบของโจทก์จำเลยว่า เมื่อโจทก์ทำสัญญารับจ้างก่อสร้างถนนสายบ้านวังวน-น้ำตกทอทิพย์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับจำเลยแล้ว โจทก์ได้นำเครื่องจักรเข้าพื้นที่และดำเนินการสำรวจแนวเบื้องต้นแล้วพบว่าตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 2 ของถนนที่จะทำการก่อสร้างได้สำรวจพบหินพืด (hardrock) และหินผุ (SOLFROCK)ซึ่งจำเป็นต้องระเบิดทิ้งเป็นจำนวนมาก โจทก์เห็นว่าในสัญญาจ้างตกลงกันเฉพาะงานดินถมและดินตัดไม่ได้ระบุเรื่องหินแข็งและหินผุไว้ โจทก์จึงได้ขอให้คณะกรรมการตรวจการจ้างแนะนำวิธีที่จะปฏิบัติ ปรากฏตามหนังสือลงวันที่ 15 มกราคม 2531เรื่อง นอกเหนือจากแบบและรายการประมูล ที่โจทก์มีถึงคณะกรรมการตรวจการจ้างคณะกรรมการตรวจการจ้างได้พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับวิธีการระเบิดหินออกและให้โจทก์ดำเนินการได้ต่อมาวันที่ 7 กันยายน 2531 นายอภิชาติโยธาธิการจังหวัดเพชรบุรีได้ทำบันทึกข้อความเรื่อง ปริมาณงานดินตัดที่เปลี่ยนแปลงเสนอประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างมีรายละเอียดงานตัดดินงานตัดหินผุและงานระเบิดหินแข็งเป็นปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเงินจำนวน 17,664,330 บาท แล้วโจทก์ได้ก่อสร้างถนนไปจนเสร็จ โจทก์ได้ส่งมอบงานงวดสุดท้ายเมื่อวันที่10 มีนาคม 2532 คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับงานเมื่อวันที่ 27 เดือนเดียวกัน โจทก์ได้รับเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับงานในส่วนที่เพิ่มขึ้น จำเลยยังไม่ได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยตกลงให้โจทก์ทำงานตัดหินผุและระเบิดหินแข็งเพิ่มเติมจากข้อตกลงในสัญญาหรือไม่ เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างและเป็นคู่สัญญากับโจทก์ผู้ที่มีสิทธิจะทำการแก้ไข หรือเพิ่มเติม หรือลดงานจากแบบรูปและรายละเอียดตามสัญญาจ้างได้คือจำเลย คณะกรรมการตรวจการจ้างเป็นเพียงคณะบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งจากจำเลยผู้ว่าจ้างให้ทำหน้าที่แทนผู้ว่าจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521 ตามคำสั่งจำเลยที่แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างและผู้ควบคุมงานได้ระบุว่าให้มีหน้าที่ตรวจการจ้างและควบคุมงาน ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบ ตลอดจนควบคุมตรวจรับงานให้ถูกต้องตามสัญญาและรายละเอียดตามแบบแปลน คณะกรรมการตรวจการจ้างไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ และจำเลยไม่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการตรวจการจ้างตกลงหรือตัดสินใจแทนจำเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับสัญญาจ้าง ดังนั้น การที่โจทก์สำรวจพบหินพืดและหินผุในสายทาง ต้องระเบิดทิ้ง แต่เห็นว่าอยู่นอกเหนือจากแบบและรายการประมูล โจทก์จะต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างข้อ 18 โดยตกลงเพิ่มเติมงานและคิดราคากับจำเลยใหม่โจทก์เพียงแต่สอบถามคณะกรรมการตรวจการจ้างถึงวิธีดำเนินการคณะกรรมการตรวจการจ้างพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับวิธีการที่จะระเบิดหินและให้ดำเนินการไปได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ต่อรองราคาและตกลงกับโจทก์เป็นค่างานที่เพิ่มขึ้นตามบันทึกการประชุมของคณะกรรมการตรวจการจ้างฉบับลงวันที่ 13 กันยายน 2531 เอกสารหมายจ.21 และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้รายงานข้อตกลงต่อรองราคาตามบันทึกการประชุมดังกล่าวให้จำเลยทราบ ตามเอกสารหมายจ.23 ถือว่าจำเลยได้ตกลงราคาและมีผลผูกพันกันแล้วนั้น เห็นว่าตามที่คณะกรรมการตรวจการจ้างมีหนังสือถึงจำเลยดังกล่าวนั้นก็มีข้อความเช่นเดียวกันกับเอกสารหมาย จ.19 กล่าวคือเป็นเรื่องขอให้จำเลยพิจารณาให้ความเป็นธรรมที่โจทก์ทำงานเกินไปกว่าข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาจ้าง หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยรับทราบและเห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการตรวจการจ้างที่พิจารณาให้โจทก์ทำงานเพิ่มขึ้นจากที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาจ้างไม่ และยังได้ความตามบันทึกต่อท้ายเอกสารหมายจ.19 อีกว่า เรื่องนี้ทางผู้รับเหมาเคยร้องเรียนที่อธิบดีได้เรียกไปชี้แจงและตอบให้เข้าใจแล้วว่า ว่าจ้างเหมาตามสัญญาไม่มีเงินเพิ่ม โจทก์ทำการก่อสร้างถนนเพิ่มเติมไปก่อนที่จะทำความตกลงราคากันใหม่กับจำเลย ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาข้อ 18 เป็นความผิดพลาดบกพร่องของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบชำระค่าจ้างในส่วนงานที่เพิ่มแก่โจทก์
พิพากษายืน

Share