คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานโจทก์เบิกความว่า หลังจากพันตำรวจโทค.เคาะประตูบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อมีคนเปิดประตูแล้วพยานพบว่า ภายในบ้านมีการเล่นการพนันกันจึงจับจำเลยกับพวก แม้ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจโท ค.และจ่าสิบตำรวจอ.พยานโจทก์ตอบทนายจำเลยถามค้านว่าขณะพยานจับจำเลยนั้นพยานไม่เห็นจำเลยถือไพ่อยู่ก็ตาม แต่ พันตำรวจโท ค.เบิกความด้วยว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนเปิดประตูให้พยาน เมื่อจำเลยที่ 2 เปิดประตูแล้วพยายามหลบหนี ส่วนจำเลยที่ 1 นั่งอยู่ที่ข้างวงการพนัน เป็นการที่พยานโจทก์ ดังกล่าวเบิกความยืนยันว่า ขณะพยานเข้าไปในบ้านเกิดเหตุคนในบ้าน กำลังเล่นการพนันกันโดยมีจำเลยอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ จึงเป็นการที่โจทก์ได้นำสืบข้อเท็จจริงได้ความตาม ข้อสันนิษฐานที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 6 บัญญัติไว้ กรณีถือว่าโจทก์นำพยานเข้าสืบได้ความตาม คำฟ้องแล้ว จึงเป็นหน้าที่ที่จำเลยจะต้องนำสืบหักล้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 และให้จ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 มาตรา 12(1)(ที่ถูก 12 1.) ให้ลงโทษปรับคนละ 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินสินบนนำจับคนละกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นในชั้นฎีกาฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอโกสุมพิสัย เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2539 เวลาประมาณ 13 นาฬิกา พันตำรวจโทคัชชา ธาตุศาสตร์ กับพวกจับจำเลยทั้งสองกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 988/2539 ของศาลชั้นต้น ได้ที่บ้านพักครูในโรงเรียนโกสุมพิทยาสรรค์ ในข้อหาร่วมกันเล่นการพนันแปดเก้า โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับยึดไพ่ป๊อก 1 สำรับ ผ้าปูรองเล่น 1 ผืน และเงินสด 240 บาท เป็นของกลาง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบของกลางในคดีอาญาดังกล่าวไปแล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าจำเลยทั้งสองร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 9 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 988/2539 ของศาลชั้นต้นกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจโทคัชชา จ่าสิบตำรวจอภิชาติบุญฉิม และนายดาบตำรวจสำรวม หอสูงเนิน พยานโจทก์ว่าหลังจากพันตำรวจโทคัชชาเคาะประตูบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อมีคนเปิดประตูแล้วพยานพบว่าภายในบ้านมีการเล่นการพนันกัน จึงจับจำเลยทั้งสองกับพวก เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของพันตำรวจโทคัชชาและจ่าสิบตำรวจอภิชาติ พยานโจทก์ทั้งสองตอบทนายจำเลยทั้งสองถามค้านว่าขณะพยานจับจำเลยทั้งสองนั้นพยานไม่เห็นจำเลยทั้งสองถือไพ่ แต่พันตำรวจโทคัชชาเบิกความด้วยว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนเปิดประตูให้พยาน เมื่อจำเลยที่ 2 เปิดประตูแล้วพยายามหลบหนี ส่วนจำเลยที่ 1 นั่งอยู่ที่ข้างวงการพนัน เห็นได้ว่า คำเบิกความ ของพยานโจทก์ทั้งสามปากดังกล่าวที่เบิกความยืนยันว่า ขณะพยานเข้าไปในบ้านเกิดเหตุคนในบ้านกำลังเล่นการพนันกันโดยมีจำเลยทั้งสองอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ในพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการที่โจทก์ได้นำสืบข้อเท็จจริงได้ความตามข้อสันนิษฐานที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 6 บัญญัติไว้ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่จำเลยทั้งสองจะต้องนำสืบหักล้างกรณีถือว่า โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ความตามคำฟ้องแล้ว
พิพากษายืน

Share