คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 นั่งมาในรถที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับ จำเลยที่ 1 ขับรถปาดหน้ารถยนต์โจทก์ร่วม และเมื่อโจทก์ร่วมได้ขับรถแซงรถของจำเลยขึ้นไป รถของจำเลยเร่งแซงขึ้นหน้าและได้มีการมองหน้ากัน ในขณะที่รถจำเลยแซงขึ้นหน้าไปนั้นเอง จำเลยที่ 4 ได้ขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจำหน้ารถโจทก์ร่วมแตก เมื่อถูกขว้างรถ โจทก์ร่วมก็ขับรถตามไปจนทันและร้องบอกให้รถจำเลยหยุด จำเลยที่ 1 ก็ไม่หยุดกลับขับเบียดกระโปรงข้างหน้ารถของโจทก์ร่วม เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 กระทำผิดด้วยกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 358

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันใช้ก้อนหินโยนใส่กระจกหน้ารถยนต์ของนายนพปฎล ทรัพย์สิรินทร์ แตกเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๘, ๘๓
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
นายนพปฎลยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๖ เดือน ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ และที่ ๓
จำเลยที่ ๑ และที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ ๔ แต่ผู้เดียวเป็นคนขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจกหน้ารถโจทก์ร่วมแตกก็ตาม แต่มูลเหตุที่จำเลยที่ ๔ ขว้างก้อนอิฐไปที่หน้ากระจกหน้ารถโจทก์ร่วมนั้นสืบเนื่องมาจากรถยนต์ที่จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่ได้ปาดหน้ารถโจทก์ร่วม และเมื่อโจทก์ร่วมได้ขับรถแซงรถของจำเลยขึ้นไป รถจำเลยก็เลยเร่งแซงขึ้นหน้าและได้มีการมองหน้ากัน ในขณะที่รถจำเลยแซงขึ้นหน้าไปนั้นเอง จำเลยที่ ๔ ก็ได้ขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจกหน้ารถโจทก์ร่วมแตก เมื่อถูกขว้างรถโจทก์ร่วมก็ขับรถตามไปจนทันและร้องบอกให้รถจำเลยหยุด แต่จำเลยที่ ๑ ก็ไม่หยุด กลับขับเบียดกระโปรงข้างซ้ายหน้ารถของโจทก์ร่วมจนประตูยุบ ทำให้รถยนต์โจทก์ร่วมกระดอนไปจนเกือบตกถนน เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๔ กระทำผิดด้วยกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
พิพากษาแก้ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share