คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติการพนันมาก่อนแล้ว ศาลก็รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยมิได้ เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
การเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 14 ทวิ(2) กฎหมายเพียงแต่บัญญัติให้วางโทษทั้งจำทั้งปรับจึงจะวางโทษโดยเพิ่มโทษปรับเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ได้
การที่ศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลยที่ 1 และเพิ่มโทษจำเลยที่ 3 เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ศาลฎีกาย่อมแก้ไขให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นการพนันไฮโลว์ อันเป็นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.อันดับ 23 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ส่วนจำเลยอื่นเป็นลูกค้าผู้เข้าเล่นพนัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน จำเลยที่ 3 เคยต้องโทษจำคุกฐานเล่นการพนันกำถั่ว มีกำหนด 3 เดือน ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1025/2517 ของศาลชั้นต้น พ้นโทษมาแล้วภายในกำหนด 3 ปี ได้กระทำผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนันด้วย

จำเลยทุกคนให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องจริงทุกประการ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ทวิ(ที่ถูก มาตรา 14 ทวิ), 15, (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3, (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3, (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 6 เดือน ปรับ 2,400 บาท จำเลยนอกนั้น เว้นจำเลยที่ 3 ปรับคนละ 1,200 บาท จำเลยที่ 3 เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติการพนันคงจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,400 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 3 เดือน ปรับ 1,200 บาท จำเลยนอกนั้นเว้นจำเลยที่ 3 ปรับคนละ 600 บาท จำเลยที่ 3 จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,200 บาท โทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 3 ปี ของกลางริบ ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับด้วย

โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3 เคยรับโทษจำคุกแล้ว ศาลชั้นต้นรอการลงโทษไว้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 3 มิได้รับในข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ ศาลชั้นต้นพิพากษารอการลงโทษให้จำเลยที่ 3 ได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 3 เคยต้องโทษจำคุกฐานเล่นการพนันกำถั่ว มีกำหนด 3 เดือน จำเลยที่ 3 พ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กลับมากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการพนันอีก และจำเลยที่ 3 ก็ให้การรับสารภาพตามฟ้องถือได้ว่าจำเลยที่ 3 รับข้อเท็จจริงที่ขอให้เพิ่มโทษด้วย และเมื่อจำเลยที่ 3 เคยได้รับโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติการพนันมาก่อนแล้ว ก็ย่อมรอการลงโทษไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 กำหนดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยที่ 1 ไว้ 2,400 บาท จึงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ทั้งการเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ(2) กฎหมายบัญญัติให้ลงโทษทั้งจำทั้งปรับ ที่ศาลชั้นต้นเพิ่มโทษจำเลยที่ 3 โดยวางโทษปรับ 2,400 บาท จึงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง

จึงพิพากษาแก้ เป็นว่า เฉพาะโทษปรับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ให้ปรับ 2,000 บาท และ 1,200 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 หนึ่งพันบาทและหกร้อยบาทตามลำดับ ส่วนโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้บังคับคดีไปโดยไม่ต้องรอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share