คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยทำหน้าที่ควบคุมการฉายภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ได้นำแถบบันทึกภาพลามกมาอัดภาพยนตร์จีนที่กำลังแพร่ภาพเพื่อใช้เป็นการส่วนตัว แต่ได้เกิดเหตุขัดข้องทางด้านเทคนิคการส่งภาพทำให้ภาพลามกที่บันทึกไว้ออกไปปรากฏทางเครื่องรับโทรทัศน์นั้น เหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นไปในลักษณะบังเอิญ จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะแพร่ภาพลามกนั้นออกไปสู่สาธารณะ จึงหามีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา287 ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287,91, 32, 33 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 6 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 สั่งริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีแถบบันทึกภาพลามกอนาจารเพื่อเผยแพร่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังเป็นยุติว่า ในคืนวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกา ในขณะที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 7 สุราษฎร์ธานี กำลังทำการแพร่ภาพรายการของสถานีอยู่นั้น ได้เกิดการแพร่ภาพลามกปรากฏออกไปทางเครื่องรับโทรทัศน์ เหตุที่เกิดภาพลามกขึ้นเนื่องจากจำเลยซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการฉายภาพยนตร์อันเป็นรายการปกติของสถานีอยู่ ได้นำแถบบันทึกภาพของกลางซึ่งมีภาพลามกแสดงการเล้าโลมทางเพศบันทึกไว้มาใช้อัดภาพยนตร์จีนที่กำลังแพร่ภาพในขณะเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นการส่วนตัว แต่ได้เกิดเหตุขัดข้องทางด้านเทคนิคการส่งภาพโดยเครื่องเล่นวีดีโอเทประบบ วี.เอช.เอส. ซึ่งทำงานควบคู่อยู่กับเครื่องเล่นวีดีโอเทประบบยูเมติคแพร่ภาพลามกที่บันทึกไว้ออกไปปรากฏทางเครื่องรับโทรทัศน์เป็นเวลาประมาณ 4-5 วินาที ก่อนที่นายประจักษ์ ร่อนลอยหา เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับภาพจะตัดภาพที่เกิดเหตุนั้นออกไป คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีแถบบันทึกภาพลามกไว้เพื่อแสดงอวดแก่ประชาชนตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามฎีกาโจทก์ก็รับว่าเหตุที่เกิดการแพร่ภาพลามกออกไปสู่เครื่องรับโทรทัศน์ในคืนเกิดเหตุเนื่องมาจากจำเลยนำแถบบันทึกภาพของกลางซึ่งบันทึกภาพเก่าไว้แล้วมาใช้บันทึกภาพใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในทางนำสืบของโจทก์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นไปในลักษณะบังเอิญในขณะที่สถานีกำลังแพร่ภาพตามรายการปกติอยู่ในขณะเกิดเหตุ อันแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะแพร่ภาพลามกนั้นออกไปสู่สาธารณะ และโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยว่ามีแถบบันทึกภาพของกลางไว้โดยมีเจตนาเพื่อใช้แสดงออกต่อสาธารณชนแต่อย่างใด ซึ่งสำหรับข้อหาดังกล่าวจำเลยก็นำสืบต่อสู้ว่าได้ซื้อแถบบันทึกภาพของกลางมาจากผู้อื่นโดยไม่ทราบว่าบันทึกภาพลามกไว้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความเพียงว่าจำเลยมีแถบบันทึกภาพที่บันทึกภาพลามกไว้ โดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นอันจะแสดงว่าจำเลยมีแถบบันทึกภาพดังกล่าวไว้โดยมีเจตนาที่จะแพร่ภาพแสดงออกแก่ประชาชนทั่วไป จึงยังไม่อาจรับฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์กล่าวหาคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share