คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ปัญหาว่านิติกรรมการยกให้ระหว่าง ธ. กับผู้คัดค้านมีผลสมบูรณ์แล้ว แม้จะกระทำขึ้นภายหลังเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบก็ตาม โจทก์จะต้องใช้สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสียก่อน จึงจะยึดทรัพย์บังคับคดีต่อไปได้นั้น จะมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แต่เป็นปัญหาในเรื่องอำนาจยื่นคำร้อง ซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งข้อเท็จจริงที่นำมาสู่ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ มิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง
การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะยึดหรืออายัดหรือขายบรรดาทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 283 วรรคหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าทรัพย์สินที่โจทก์ขอนำยึดเป็นของจำเลยโดยเป็นสินสมรสของจำเลยกับสามี แต่ได้โอนให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรโดยสมยอมเพื่อยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้พ้นจากการบังคับคดีและยืนยันให้ยึด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องยึดทรัพย์สินดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการยึด โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ โดยขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวได้ ตามนัยแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 283 วรรคสอง โจทก์หาจำต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 เสียก่อนไม่ ทั้งการที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของโจทก์ ถือว่าผู้คัดค้านได้เข้ามาในคดีแล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจวินิจฉัยข้ออ้างของโจทก์และข้อเถียงของผู้คัดค้านที่โต้แย้งกันนั้นได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ยและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 17957 ตำบลลำพยา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม โดยอ้างว่าเป็นสินสมรสของจำเลยกับสามี แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีความสงสัย เนื่องจากไม่ปรากฏชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทะเบียน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ดำเนินการยึดและมีหนังสือร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้มีคำสั่งปลดเปลื้องความรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 283 วรรคสอง
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 17957 ที่โจทก์ขอนำยึดเป็นสินสมรสของจำเลยกับนายเธียรชัย โพธิ์ดำรงชัย สามีจำเลย ซึ่งใส่ชื่อนายเธียรชัยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว และได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรโดยจำเลยให้ความยินยอมเพื่อยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินมิให้โจทก์ติดตามบังคับคดี ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อบังคับชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 17957 เป็นสินส่วนตัวของนายเธียรชัยซึ่งยกให้ผู้คัดค้านโดยเสน่หาเพื่อให้ผู้คัดค้านนำไปเป็นหลักประกันในการขอประกันตัวจำเลยในคดีที่ถูกโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญา โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่ที่ดินดังกล่าว ขอให้มีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์
ระหว่างการไต่สวน เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้มีคำสั่งปลดเปลื้องความรับผิดอีกฉบับหนึ่ง เนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการยึดเครื่องจักรและอุปกรณ์การทำเส้นก๋วยเตี๋ยวในโรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามคำขอของโจทก์ และโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยกับนายเธียรชัยร่วมกันประกอบกิจการโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว โดยจำเลยเป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตลอดมา ผู้คัดค้านเพิ่งถือใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานภายหลัง เป็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของจำเลยเพื่อให้พ้นจากการบังคับคดี ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อบังคับชำระหนี้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 17957 ตำบลลำพยา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และทรัพย์สินอันเป็นอุปกรณ์ในการผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึด เป็นทรัพย์ของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีสามารถยึดเพื่อบังคับคดีแก่โจทก์ได้
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านนั้นเป็นการไม่ชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในชั้นอุทธรณ์ผู้คัดค้านอุทธรณ์สรุปความว่า กรณีของผู้คัดค้านเป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านได้รับโอนทรัพย์สินมาจากนิติกรรมที่ทำขึ้นภายหลังเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบ นิติกรรมการยกให้ระหว่างนายเธียรชัยกับผู้คัดค้านมีผลสมบูรณ์แล้ว โจทก์จึงต้องใช้สิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสียก่อน จึงจะยึดทรัพย์บังคับคดีต่อไปได้ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สินของผู้คัดค้านในชั้นนี้ไปทีเดียว จึงเป็นการใช้สิทธิที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า แม้ปัญหาดังกล่าวจะมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แต่เป็นปัญหาในเรื่องอำนาจยื่นคำร้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งข้อเท็จจริงที่นำมาสู่ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ มิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ผู้คัดค้านจึงมีสิทธิยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านด้วยเหตุที่ว่าเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้าม จึงเป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้วศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยใหม่ และเห็นว่า การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะยึดหรืออายัด หรือขายบรรดาทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 283 วรรคหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าทรัพย์สินที่โจทก์ขอนำยึดเป็นของจำเลยโดยเป็นสินสมรสของจำเลยกับสามี แต่ได้โอนให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรโดยสมยอมเพื่อยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้พ้นจากการบังคับคดีและยืนยันให้ยึด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องยึดทรัพย์สินดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการยึด โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ โดยขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวได้ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 283 วรรคสอง โจทก์หาจำต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 เสียก่อนไม่ ทั้งการที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของโจทก์ ถือว่าผู้คัดค้านได้เข้ามาในคดีแล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจวินิจฉัยข้ออ้างของโจทก์และข้อเถียงของผู้คัดค้านที่โต้แย้งกันนั้นได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและมีคำสั่งมานั้น จึงชอบแล้ว”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านและให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น

Share