คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6353/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การดำเนินการของฝ่ายจำเลย (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) ให้ได้มาซึ่งที่ดินของโจทก์เพื่อสร้างทางพิเศษ สายรามอินทรา-อาจณรงค์ อาศัย พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตลาดพร้าว เขตบึงกุ่ม เขตบางกะปิ เขตห้วยขวาง เขตคลองเตย และเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2533 เพียงฉบับเดียว แนวเขตที่ดิน ที่จะสร้างทางพิเศษสายนี้ในบริเวณที่ดินของโจทก์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือขยายเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.ดังกล่าว ที่ดินของโจทก์ในส่วนที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดเป็นที่ดินอยู่ในแนวเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตาม พ.ร.ฎ.ดังกล่าวและถูกดำเนินการเพื่อเวนคืนเพียงครั้งเดียว โดยฝ่ายจำเลยใช้อำนาจที่มีอยู่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืน อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 10 ตกลงซื้อขายที่ดินของโจทก์ในส่วนที่จะต้องเวนคืนตามสัญญาซื้อขายอสังหา ริมทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 เพื่อสร้างทางพิเศษโครงการระบบทางด่วนสาย รามอินทรา-อาจณรงค์ กรณีที่ไม่อาจตกลงกันได้ในเรื่องจำนวนเงินค่าทดแทน ซึ่งไม่ใช่การตกลงซื้อขายกันตาม ป.พ.พ. แต่เป็นขั้นตอนหนึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ที่ดินที่จะต้องให้ได้มาเพื่อสร้างทางพิเศษฯ ตามสัญญาซื้อขาย จึงเป็นที่ดินในส่วนที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณที่ที่จะต้องเวนคืนตาม พ.ร.ฎ. ส่วนเนื้อที่ดิน ที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายฯเป็นการประมาณการของฝ่ายจำเลย แต่เมื่อมีการรังวัดแบ่งแยกที่ดินแล้ว ปรากฏว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แน่นอนรวมกันแล้วเพิ่มขึ้นจากที่ฝ่ายจำเลยประมาณการไว้ เนื้อที่ดินในส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้มีที่มาจากที่ดิน ผืนเดียวกันกับที่ระบุเนื้อที่ไว้ในสัญญาซื้อขายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายเงินทดแทนแทน ที่ดินของโจทก์ในส่วนที่จะต้องเวนคืนทั้งหมด รวมทั้งเนื้อที่ดินที่เพิ่มขึ้นให้แก่โจทก์ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญา ซื้อขายด้วย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง และที่โจทก์ได้อุทธรณ์ ต่อรัฐมนตรีขอเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์ขอเงินค่าทดแทนที่ดินในส่วนเนื้อที่ที่เพิ่มขึ้นนี้รวมอยู่ด้วยแล้ว เมื่อศาลวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทนที่ดินที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดเพิ่มขึ้นแก่โจทก์ โจทก์ย่อม มีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นของเงินค่าทดแทนที่ดินเนื้อที่ที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วย นับแต่วันที่ครบ 120 วันจากวันทำสัญญาซื้อขาย อันเป็นวันที่ต้องมีการจ่าย ตามมาตรา 26 วรรคสาม
ศาลล่างทั้งสองกำหนดวันเริ่มต้นคำนวณดอกเบี้ยนั้นผิดพลาดไป 1 วัน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๑๖๙, ๓๑๗๐ และ ๕๔๒๑๐ ที่ดินของโจทก์ทั้งสองถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทรา-อาจณรงค์ ฝ่ายจำเลยกำหนดเงินค่าทดแทน ที่ดินทั้งสามแปลงของโจทก์ทั้งสองไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม จึงอุทธรณ์ขอเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มต่อรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยและได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากำหนดเงินค่าทดแทน ที่ดินเพิ่มให้แก่โจทก์ทั้งสองอีกตารางวาละ ๙,๐๐๐ บาท คดีถึงที่สุดแล้ว แต่ปรากฏว่าภายหลังจากโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้อง ขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทจึงทราบว่าที่ดินของโจทก์ทั้งสองที่ถูกเวนคืนมีเนื้อที่เพิ่มขึ้น จำเลยยอมจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินที่ต้องจ่ายเพิ่มดังกล่าวแล้วให้แก่โจทก์ทั้งสองภายหลังจากที่โจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้แต่ไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน ๘๗๗,๙๐๕ บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสอง คู่ความแถลงงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดประเด็นแห่งคดี เพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องใช้ดอกเบี้ยของเงินค่าทดแทนที่ดินที่เพิ่มขึ้นในส่วนของที่ดินเนื้อที่ ๑๙๘ ตารางวาหรือไม่ เพียงใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินของต้นเงิน ๑,๐๖๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ จนถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒) ดอกเบี้ยอัตราเดียวกันของต้นเงิน ๗๒๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๗ จนถึงวันฟ้อง แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยดังกล่าว รวมกันแล้วต้องไม่เกิน ๘๗๗,๙๐๕ บาท ตามที่โจทก์ทั้งสองขอมา ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ทั้งสองชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยของเงิน ค่าทดแทนที่ดินที่เพิ่มขึ้นในส่วนของที่ดินเนื้อที่ ๑๙๘ ตารางวา ให้แก่โจทก์ทั้งสองหรือไม่เพียงใด จำเลยฎีกาว่า… ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ และวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๗ อันเป็นวันครบกำหนด ตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่ให้เจ้าหน้าที่จ่ายเงินค่าทดแทน ภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันทำสัญญาไม่ถูกต้อง และโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีโดยไม่ได้อุทธรณ์เงินค่าทดแทนที่ดินในส่วน ที่เพิ่มขึ้นจำนวน ๑๘๘ ตารางวา จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในอัตราดอกเบี้ยตามประกาศธนาคารออมสิน จึงต้องใช้อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ และเรื่องอัตราดอกเบี้ยนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยสามารถยกขึ้นเป็นประเด็นในทุกชั้นศาลนั้น เห็นว่า การดำเนินการของฝ่ายจำเลย ให้ได้มาซึ่งที่ดินทั้งสามแปลงของโจทก์ทั้งสองเพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทรา-อาจณรงค์ นั้น อาศัยพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตลาดพร้าว เขตบึงกุ่ม เขตบางกะปิ เขตห้วยขวาง เขตคลองเตย และเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๓๓ เพียงฉบับเดียว แนวเขตที่ดินที่จะสร้างทางพิเศษสายนี้ในบริเวณที่ดินของโจทก์ทั้งสองไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือขยายเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ที่ดินทั้งสามแปลงของโจทก์ทั้งสองในส่วนที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดเป็นที่ดินที่อยู่ในแนวเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวและถูกดำเนินการเพื่อเวนคืนเพียงครั้งเดียว โดยฝ่ายจำเลยใช้อำนาจที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๑๐ ตกลงซื้อขายที่ดินทั้งสามแปลงของโจทก์ทั้งสองในส่วนที่จะต้องเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาฯ กับโจทก์ทั้งสองตามสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ เพื่อสร้างทางพิเศษโครงการระบบทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์ กรณีที่ไม่อาจตกลงกันได้ในเรื่องจำนวนเงินค่าทดแทน ซึ่งไม่ใช่การตกลงซื้อขายกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แต่เป็นขั้นตอนหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ที่ดินที่จะต้องให้ได้มาเพื่อสร้างทางพิเศษฯ ตามสัญญาซื้อขายฯ จึงเป็นที่ดินทั้งสามแปลงของโจทก์ทั้งสองในส่วนที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณที่ที่จะต้องเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาฯ ส่วนเนื้อที่ดินที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายฯ เป็นการประมาณการของฝ่ายจำเลย แต่เมื่อ มีการรังวัดแบ่งแยกที่ดินแล้ว ปรากฏว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แน่นอนรวมกันแล้วเพิ่มขึ้นจากที่ฝ่ายจำเลยประมาณการไว้อีก ๑๙๘ ตารางวา เนื้อที่ดินในส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้มีที่มาจากที่ดินผืนเดียวกันกับที่ระบุเนื้อที่ไว้ในสัญญาซื้อขายดังกล่าว ซึ่งแต่เดิมคำนวณเนื้อที่ผิดพลาดอยู่นั่นเอง จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายเงินทดแทนแทนค่าที่ดินทั้งสามแปลง ของโจทก์ทั้งสามในส่วนที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดคือรวมทั้งเนื้อที่ดินที่เพิ่มขึ้นอีก ๑๙๘ ตารางวา ให้แก่โจทก์ทั้งสอง ภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันที่ทำสัญญาซื้อขายฯ ด้วย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง และที่โจทก์ทั้งสองได้อุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีขอเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นนั้นย่อมถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์ขอเงินค่าทดแทนที่ดินในส่วน ๑๙๘ ตารางวา นี้รวมอยู่ด้วยแล้ว เมื่อศาลวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินค่าทดแทน ที่ดินที่จะต้องเวนคืนทั้งหมดเพิ่มขึ้นแก่โจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นของเงินค่าทดแทนที่ดินเนื้อที่ ๑๙๘ ตารางวา นี้ด้วย นับแต่วันที่ครบ ๑๒๐ วัน จากวันที่ ๑ และวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ อันเป็นวันทำสัญญาซื้อขายฯ ตามลำดับ คือวันที่ ๑ และวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๗ อันเป็นวันที่ต้องมีการจ่ายตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่าง ทั้งสองกำหนดวันเริ่มต้นคำนวณดอกเบี้ยนั้นผิดพลาดไป ๑ วัน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คำนวณดอกเบี้ยของต้นเงิน ๑,๐๖๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๓๗ และของต้นเงิน ๗๒๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๗ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียม ชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share