คำสั่งคำร้องที่ 1237/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกา จำเลยมิได้ยกขึ้นมากล่าวอ้างในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คดีจำเลยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 และ 225 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า การที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมย่อมเป็นข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะต้องพิจารณาเองว่าฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าฟ้องมิชอบด้วยกฎหมายศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง และข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมายที่อ้างฐานความผิดว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานใดหรือไม่โจทก์บรรยายฟ้องและคำขอท้ายฟ้องมา ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างอ้างบทบัญญัตินั้นขึ้นกำหนดโทษแก่จำเลยจึงถือได้ว่าได้ยกบทบัญญัติดังกล่าวอันเป็นฐานความผิดขึ้นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว ทั้งพระราชบัญญัติป่าไม้เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 59)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4,6,7,48,73,74 จำคุก 2 ปี และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยไว้ภายในเวลาดังกล่าว ให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 51)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 52)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ลดให้กึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 1 ปีและปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขมากและเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามจำเลยที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 12 จึงให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์แก้ภายใน 15 วัน นับแต่วันรับ

Share