แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ชั้นอุทธรณ์ จำเลยอ้างว่าที่ศาลชั้นต้นงดชี้สองสถานและงดสืบพยานเป็นการไม่ชอบ เพราะจำเลยให้การมีประเด็นว่านิติกรรมซื้อขายที่ดินที่โจทก์จำเลยทำต่อ เจ้าพนักงานที่ดินมีเจตนาหลอกลวงเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้เสียค่าธรรมเนียมและภาษีน้อยลงขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน มูลหนี้ตามเช็คจึงเป็นโมฆะแต่ในชั้นฎีกาจำเลยกลับอ้างว่าคำให้การจำเลยมีประเด็นว่าจำเลยชำระราคาที่ดินให้โจทก์ครบถ้วน โดยที่ดินราคาเพียง 350,000 บาทเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 650,000 บาท จำนวนที่เกินไป 300,000 บาทเป็นการนำเอาค่านายหน้าและดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกฎหมายกำหนดมารวมเข้าด้วย คำให้การจำเลยจึงชัดเจนแล้ว เป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตกลงซื้อที่ดินจากโจทก์ในราคา 650,000 บาทแต่จำเลยแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าซื้อขายกันราคา 350,000 บาทเพื่อให้เสียค่าธรรมเนียมและภาษีน้อยลง จำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินจำนวน650,000 บาท มอบแก่โจทก์เพื่อชำระค่าที่ดิน เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงซื้อที่ดินในราคา 650,000 บาทจากโจทก์ ที่ดินของโจทก์ที่ขายให้จำเลย โจทก์ได้รับค่าที่ดินครบแล้วแต่โจทก์ยังเอาเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลย เช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่รวมราคาที่ดินกับค่านายหน้าที่โจทก์รับไปแล้ว จำเลยแจ้งราคาซื้อขายต่อเจ้าพนักงานที่ดิน 350,000 บาท ตามความจริง ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยแจ้งว่าราคาซื้อขาย 350,000 บาท เพื่อเสียค่าธรรมเนียมและภาษีน้อยลง แสดงว่าโจทก์ทราบว่านิติกรรมซื้อขายดังกล่าวเป็นการฉ้อฉลเจ้าพนักงานที่ดิน เช็คดังกล่าวจึงมีมูลหนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นโมฆะ โจทก์บวกเอาดอกเบี้ยและค่านายหน้าการขายที่ดินรวมเข้าด้วยกันและให้จำเลยเขียนเช็คจำนวน650,000 บาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามมูลหนี้ในเช็คเพราะมูลหนี้ตามเช็คไม่สมบูรณ์ และเป็นเช็คเพื่อประกันการที่จำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ และไม่ยอมออกค่าธรรมเนียมและค่าภาษีในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คและดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์ จำเลย นัดฟังคำพิพากษา จำเลยโต้แย้งคำสั่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 650,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ชั้นอุทธรณ์จำเลยอ้างว่าการที่ศาลชั้นต้นงดชี้สองสถานและงดสืบพยานนั้นเป็นการไม่ชอบเพราะคำให้การจำเลยมีประเด็นว่านิติกรรมซื้อขายที่ดินที่โจทก์จำเลยทำต่อเจ้าพนักงานที่ดินมีเจตนาหลอกลวงเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้เสียค่าธรรมเนียมและค่าภาษีน้อยลง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนมูลหนี้ตามเช็คจึงเป็นโมฆะ หากให้จำเลยนำพยานเข้าสืบคดีของจำเลยมีทางชนะ แต่ในชั้นฎีกาจำเลยกลับอ้างว่าคำให้การจำเลยมีประเด็นว่าจำเลยได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยที่ดินราคาเพียง35,000 บาท เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินจำนวน 650,000 บาท จำนวนที่เกินไป300,000 บาท เป็นการนำเอาค่านายหน้าและดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกฎหมายกำหนดมารวมเข้าด้วย คำให้การจำเลยจึงชัดเจนแล้ว เป็นฎีกาโต้แย้งในข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่จำเลยโจทก์ไม่ได้แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้