คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายรูปร่างแข็งแรงใหญ่โตกว่าจำเลยปกติมีนิสัยเกเร และชอบพกอาวุธปืนตลอดแต่วันเกิดเหตุไม่มีใครเห็นผู้ตายชักอาวุธปืนออกมาเพื่อจะยิงจำเลย และไม่ได้อาวุธปืนจากตัวผู้ตายหรือในที่เกิดเหตุมาเป็นพยานหลักฐานการที่จำเลยถูกผู้ตายชกต่อยล้มลงแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายที่ท้องหนึ่งนัด จึงเป็นการทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บหมดโอกาสทำร้ายจำเลยได้อีก เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ แต่เมื่อถูกยิงแล้วผู้ตายงอ ตัวก้มศีรษะลงเพราะพิษกระสุนนัดแรก ผู้ตายย่อมไม่อยู่ในสภาพที่จะทำร้ายจำเลยได้อีก ดังนี้การที่จำเลยยิงผู้ตายอีกหนึ่งนัดถูกท้ายทอยผู้ตาย จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายสมพร ศรพรหม ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 15 ปี ลดโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 68, 69 ให้จำคุก 4 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่าผู้ตายชกต่อยจำเลยจนล้มลง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด กระสุนปืนถูกที่ท้อง 1 นัด ท้ายทอย 1 นัดกระสุนปืนฝังใน คงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำไป เพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ นายเลิศ ศรีบุรินทร์ ประจักษ์พยานของโจทก์เบิกความว่าระหว่างผู้ตายทำร้ายจำเลยนั้น ผู้ตายจะมีอาวุธปืนหรือไม่ ไม่ทราบ จำเลยก็เบิกความว่าไม่เห็นผู้ตายมีอาวุธปืนคงเห็นเพียงผู้ตายล้วงที่เอวด้านหลัง จำเลยจึงเข้าใจเอาเองว่าผู้ตายมีอาวุธปืน นายหลั่น ศรีบุรินทร์ พยานจำเลยก็ว่าเห็นที่เอวด้านหลังของผู้ตายมีวัตถุสีดำ ๆ เข้าใจว่าเป็นด้ามปืน แต่ไม่ได้อาวุธปืนจากตัวผู้ตายหรือในที่เกิดเหตุมาเป็นพยานหลักฐานว่าผู้ตายมีอาวุธปืนจริง แม้นายอินตา ศรพรหม บิดาผู้ตายจะเบิกความว่าผู้ตายเวลาเมาสุราชอบอาละวาดแล้วชกต่อย ปกติธรรมดามีนิสัยเกเรผู้ตายรูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่กว่าจำเลย ผู้ตายพกอาวุธปืนตลอด แต่วันเกิดเหตุก็ไม่มีใครเห็นผู้ตายชักอาวุธปืนออกมาเพื่อจะยิงจำเลยการที่จำเลยถูกผู้ตายชกต่อยทำร้ายร่างกายจนล้มลงแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายที่ท้อง 1 นัด น่าจะเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุแล้ว เพราะเชื่อว่าผู้ตายคงได้รับบาดเจ็บจนหมดโอกาสที่จะทำร้ายจำเลยได้อีกการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายที่ท้ายทอยอีก1 นัด น่าจะเป็นการยิงในขณะที่ผู้ตายถูกกระสุนปืนนัดแรกแล้วงอตัวก้มศีรษะลง เพราะพิษกระสุนปืนนัดแรก กระสุนปืนจึงถูกที่ท้ายทอยของผู้ตาย การที่จำเลยยิงผู้ตายขณะผู้ตายก้มศีรษะลงเพราะถูกกระสุนปืนนัดแรกย่อมเห็นได้ว่าผู้ตายไม่อยู่ในสภาพที่จะทำร้ายจำเลยได้อีกการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่เห็นว่าผู้ตายรูปร่างสูงใหญ่กว่าจำเลยและมีนิสัยเกเร ทั้งยังก่อเหตุทำร้ายจำเลยตลอดมาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share