แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับบริษัทจำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน อันเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ร้องที่เป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 สิทธิของผู้ร้องมีอยู่ในบริษัทจำเลยที่ 1 เพียงใดก็คงมีอยู่อย่างนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) อีกทั้งผู้ร้องก็ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ซึ่งถือว่าเป็นคู่ความในคดีอันจะใช้สิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่แล้ว จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ทำสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกัน และจำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 ในฐานะผู้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้ชำระเงินจำนวน 77,847,671.20 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงิน 55,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 5 โจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นนายเกียรติ ธรรมมงคล จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอว่า จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหาย เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินและหนี้สินของจำเลยที่ 1 จึงเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่จำเลยที่ 3 หรือผู้ร้องยื่นคำร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของจำเลยที่ 1 หาใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิต่อจำเลยที่ 3 หรือผู้ร้องโดยตรงไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 วรรคแรกบัญญัติว่า “บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความอาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด (1) ด้วยความสมัครใจเองเพราะเห็นว่าเป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่…”คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ร้อง สิทธิของผู้ร้องมีอยู่ในบริษัทจำเลยที่ 1 เพียงใดก็คงมีอยู่อย่างนั้นไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) อีกทั้งผู้ร้องก็ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ซึ่งถือว่าเป็นคู่ความในคดีอันจะใช้สิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่แล้วจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกแต่อย่างใดที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน