คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6282/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้า ส่วนจำเลยเป็นผู้ขนส่งอื่น เมื่อสินค้าเสียหายในระหว่างการขนส่งของจำเลย โจทก์และจำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้รับตราส่งอย่างลูกหนี้ร่วมตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 มาตรา 45 โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ ประกอบกับโจทก์ยังไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่บริษัทผู้รับตราส่งหรือบริษัทผู้รับประกันภัยสินค้าโจทก์จึงไม่ใช่ผู้รับช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ ดังนั้น แม้โจทก์จะทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และจำเลยปฏิเสธ ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55ทั้งผู้มีสิทธิที่จะฟ้องเพื่อตั้งหลักฐานแห่งสิทธิเรียกร้องเพื่อให้อายุความสะดุดหยุดลงเนื่องจากหนี้จะขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(2) จะต้องเป็นเจ้าหนี้เช่นเดียวกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2542 โจทก์รับขนส่งแผ่นเหล็กรีดเย็นจากประเทศชิลีทางทะเลมาส่งให้แก่บริษัทมหาชัยเหล็กพัฒนา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยเรือทอร์สกาย เมื่อเรือดังกล่าวเดินทางมาถึงเกาะสีชัง โจทก์ได้ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งต่อไปยังจังหวัดสมุทรสาคร จำเลยไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้แผ่นเหล็กรีดเย็นเปียกน้ำได้รับความเสียหายเป็นเงิน 746,550 บาท หรือประมาณ 19,009.63 ดอลลาร์สหรัฐบริษัทการ์เดียนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับประกันภัยสินค้ารายนี้ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทมหาชัยเหล็กพัฒนา จำกัดไปแล้วและรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องค่าเสียหายจากโจทก์ แต่เนื่องจากเป็นความผิดของจำเลย โจทก์จึงทวงถามให้จำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 20,427.54ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน19,009.63 ดอลลาร์สหรัฐ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่บุคคลใดจะนำคดีมาฟ้องต่อศาลเป็นคดีมีข้อพิพาทได้นั้น บุคคลดังกล่าวจะต้องถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 และบุคคลที่ถูกโต้แย้งสิทธิจะต้องมีสิทธิตามกฎหมายเสียก่อน เพราะถ้าไม่มีสิทธิตามกฎหมายก็ย่อมไม่อาจถูกโต้แย้งสิทธิได้ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความตามฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ขนส่งสินค้า ส่วนจำเลยเป็นผู้ขนส่งอื่น เมื่อสินค้าเปียกน้ำเสียหายในระหว่างการขนส่งของจำเลย โจทก์และจำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้รับตราส่งอย่างลูกหนี้ร่วมตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเลพ.ศ. 2534 มาตรา 45 ซึ่งหมายความว่าโจทก์และจำเลยต่างมีฐานะเป็นลูกหนี้ด้วยกัน โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ ประกอบกับคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ยอมรับว่าโจทก์ยังไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่บริษัทมหาชัยพัฒนา จำกัดผู้รับตราส่งหรือบริษัทการ์เดียนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัดผู้รับประกันภัยสินค้าพิพาท โจทก์จึงไม่ใช่ผู้รับช่วงสิทธิจากบุคคลดังกล่าวซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ดังนั้นแม้โจทก์จะทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และจำเลยปฏิเสธก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายเพราะโจทก์ไม่มีสิทธิมาก่อน ที่โจทก์อุทธรณ์อ้างว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินเพื่อนำไปชำระแก่ผู้เสียหายไม่ใช่เป็นการฟ้องไล่เบี้ย แต่เป็นการฟ้องเพื่อตั้งหลักฐานแห่งสิทธิเรียกร้องเพื่อให้อายุความสะดุดหยุดลงเนื่องจากหนี้จะขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/14(2) นั้น เห็นว่า ผู้ที่มีสิทธิฟ้องร้องตามมาตรานี้จะต้องเป็นเจ้าหนี้เช่นเดียวกัน เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าหนี้และไม่ถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share