คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สิทธิบอกล้างโมฆียะกรรมของทายาทของผู้ไร้ความสามารถหรือผู้ได้ทำการแสดงเจตนาโดยวิปริตตาม ป.พ.พ. มาตรา 137นั้น จะมีได้ต่อเมื่อผู้ไร้ความสามารถหรือผู้ได้แสดงเจตนาโดยวิปริตได้ถึงแก่ความตายลงโดยมิได้มีการบอกล้างโมฆียะกรรมก่อนถึงแก่ความตาย ฉะนั้นเมื่อบิดาโจทก์ยังมีชีวิตอยู่แม้จะทำนิติกรรมขณะวิกลจริต โจทก์ก็เป็นเพียงผู้สืบสันดานเท่านั้น โจทก์จึงมิใช่ทายาทอันจะมีสิทธิบอกล้างนิติกรรมอันเป็นโมฆียะได้.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2525 จำเลยทั้งสองร่วมกันล่อลวงด้วยอุบายให้นายอำภัน ประไพจิตต์หรือประไพจิตรซึ่งเป็นบุคคลวิกลจริต ทำนิติกรรมโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 2061ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ให้แก่จำเลยโดยรู้อยู่แล้วว่านายอำภัน เป็นบุคคลวิกลจริต ขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและรับเงินจำนวน 200,000 บาท คืน
จำเลยทั้งสองให้การว่า ขณะที่นายอำภัน ทำนิติกรรมขายที่ดินแปลงพิพาทให้จำเลย นายอำภันมีสติสมบูรณ์ โดยภรรยาได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือไว้ด้วย จำเลยมิได้ล่อลวงแต่อย่างใด โจทก์ทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรม ไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรมและไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทโดยธรรม เป็นทายาทผู้สืบสันดานของนายอำภัน ประไพจิตต์บิดาผู้วิกลจริตที่ศาลยังไม่ได้สั่งหรือเป็นทายาทของผู้ที่ได้แสดงเจตนาโดยวิปริต มีสิทธิที่จะได้รับมรดกของนายอำภันตามกฎหมายโจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจบอกล้างนิติกรรมขายที่ดินอันเป็นโมฆียะที่นายอำภันทำไว้กับจำเลยที่ 1 ได้นั้น เห็นว่า คำว่า “ทายาทของบุคคลเช่นว่านั้น” ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 137 อันจะมีสิทธิบอกล้างโมฆียะกรรมซึ่งผู้ไร้ความสามารถหรือผู้ได้แสดงเจตนาโดยวิปริตได้กระทำลง จะมีได้ก็ต่อเมื่อผู้ไร้ความสามารถหรือผู้ได้แสดงเจตนาโดยวิปริตได้ถึงแก่ความตายลงโดยมิได้มีการบอกล้างโมฆียะกรรมก่อนถึงแก่ความตาย ดังจะเห็นได้จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1604 ซึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนว่า”บุคคลธรรมดาจะเป็นทายาทได้ก็ต่อเมื่อมีสภาพบุคคลหรือสามารถมีสิทธิได้ตามมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายนี้ ในเวลาที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย” ดังนั้นเมื่อนายอำภันยังมีชีวิตอยู่ แม้จะฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุตรของนายอำภันผู้วิกลจริต มีสิทธิที่จะได้รับมรดกของนายอำภันก็ตาม โจทก์ทั้งสองเป็นเพียงผู้สืบสันดาน ของนายอำภันเท่านั้น ยังไม่เป็นทายาทของนายอำภัน ไม่เป็นบุคคลตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรมอันเป็นโมฆียะที่นายอำภันได้ทำไว้กับจำเลยที่ 1 การบอกล้างจึงไม่มีผลให้นิติกรรมดังกล่าวตกเป็นโมฆะ โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองกระทำการตามฟ้องให้โจทก์ทั้งสองได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ยกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share