แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับจำนองแก่ห้องชุด ซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนองตามคำพิพากษา ส่วนผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทรัพย์ส่วนกลางที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดดังกล่าวค้างจ่ายแก่ผู้ร้อง ซึ่งตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติให้ถือว่าเป็นบุริมสิทธิลำดับเดียวกับบุริมสิทธิตามมาตรา 273 (1) แห่ง ป.พ.พ. และมีอยู่เหนือห้องชุดอันเป็นทรัพย์ส่วนบุคคลของจำเลย และเมื่อปรากฏว่าผู้จัดการผู้ร้องได้ส่งรายการหนี้ดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว บุริมสิทธิของผู้ร้องจึงอยู่ในลำดับก่อนจำนองตามที่บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์กับผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 280 (1) และ (2) และเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิยกข้อต่อสู้ว่า หนี้ของผู้ร้องที่นำมาขอรับชำระหนี้นั้นขาดอายุความแล้วเพื่อมิให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจากทรัพย์สินจำนองก่อนโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองซึ่งมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียของโจทก์ในทรัพย์สินจำนองนั้น
ฎีกาของผู้ร้องที่ว่า สิทธิเรียกร้องตามคำร้องขอของผู้ร้องเป็นหนี้ที่จะต้องชำระเป็นงวด ๆ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในความหมายเป็นเงินค้างจ่าย ไม่อาจใช้อายุความ 5 ปี นั้น ผู้ร้องมิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ การที่ผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงิน 876,314.97 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปีโดยผ่อนชำระรายเดือน เดือนละ ไม่ต่ำกว่า 16,000 บาท เริ่มเดือนแรกภายในวันที่ 5 กรกฎาคม 2541 และเบี้ยประกันภัยครั้งละ 5,377 บาท ทุก 3 ปี ต่อครั้ง เริ่มชำระงวดแรกในวันที่ 5 มกราคม 2543 งวดต่อไปทุกวันที่ 5 ของสามปีถัดไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระจนกว่าจะครบ จำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองห้องชุดเลขที่ 60/629, 60/630 อาคารชุดทวิน ทาวเวอร์ ชั้นที่ 9 ตำบลสองห้อง (สีกัน) อำเภอปากเกร็ด (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนโจทก์ผู้รับจำนอง หากโจทก์สละสิทธิถอนการยึดทรัพย์หรือถอนการบังคับคดี ให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ค่าใช้จ่ายที่ผู้ร้องกล่าวอ้างสูงเกินไป มูลหนี้ค่าใช้จ่ายมิได้เกิดจากการให้บริการส่วนรวมหรือการใช้ทรัพย์ส่วนกลางของจำเลยหรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน และค้างจ่ายเกิน 5 ปี นับแต่วันผิดนัด ผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยและเงินเพิ่ม ยอดหนี้ไม่ถูกต้อง ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระเงิน 44,388.62 บาท ที่ได้จากการขายทอดตลาดอาคารชุดเลขที่ 60/630 ชั้นที่ 9 อาคารเลขที่ 1 ชื่ออาคารชุดทวิน ทาวเวอร์ ก่อนผู้รับจำนอง กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้อง โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท หากโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดี ให้ผู้ร้องสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ต่อไป
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาผู้ร้องในประการแรกที่ว่า โจทก์มีสิทธิยกอายุความแห่งสิทธิเรียกร้องเงินค้างจ่ายที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดค้างชำระค่าใช้จ่ายทรัพย์ส่วนกลางขึ้นเป็นข้อต่อสู้นิติบุคคลอาคารชุดผู้ร้องได้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับจำนองแก่ห้องชุดเลขที่ 60/630 ซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนองตามคำพิพากษา ส่วนผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทรัพย์ส่วนกลางที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดดังกล่าวค้างจ่ายแก่ผู้ร้อง ซึ่งตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติให้ถือว่าเป็นบุริมสิทธิลำดับเดียวกับบุริมสิทธิตามมาตรา 273 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมีอยู่เหนือห้องชุดอันเป็นทรัพย์ส่วนบุคคลของจำเลย และเมื่อปรากฏว่าผู้จัดการผู้ร้องได้ส่งรายการหนี้ดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว บุริมสิทธิของผู้ร้องจึงอยู่ในลำดับก่อนจำนองตามที่บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์กับผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดีอันเกี่ยวด้วยทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 (1) และ (2) และเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิยกข้อต่อสู้ว่า หนี้ของผู้ร้องที่นำมาขอรับชำระหนี้นั้นขาดอายุความแล้วเพื่อมิให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจากทรัพย์สินจำนองก่อนโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองซึ่งมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียของโจทก์ในทรัพย์สินจำนองนั้น ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่า ปัญหาเรื่องอายุความเป็นข้ออ้างของจำเลยที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้เท่านั้น โจทก์ไม่มีสิทธิยกขึ้นต่อสู้ผู้ร้องจึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
ฎีกาของผู้ร้องประการต่อมาที่ว่า สิทธิเรียกร้องตามคำร้องขอของผู้ร้องเป็นหนี้ที่จะต้องชำระเป็นงวด ๆ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในความหมายเป็นเงินค้างจ่าย ไม่อาจใช้อายุความ 5 ปี นั้น เห็นว่า ผู้ร้องมิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ การที่ผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นฎีกา จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของผู้ร้องมาเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ